เล่มไหนเปลี่ยนชีวิต ? คนดังนั่งเล่า ก่อนถึง ‘ย.ยักษ์อ่านใหญ่’ บุ๊กแฟร์แห่งชาติ สร้างประวัติศาสตร์ (อาเซียน) โอเวอร์ไซซ์

เล่มไหนเปลี่ยนชีวิต ?
คนดังนั่งเล่า ก่อนถึง ‘ย.ยักษ์อ่านใหญ่’
บุ๊กแฟร์แห่งชาติ สร้างประวัติศาสตร์ (อาเซียน) โอเวอร์ไซซ์

แถลงข่าวอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา

สำหรับงาน ‘สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23’ ซึ่งในปีนี้ยิ่งกว่างานช้าง เพราะเป็นงานยักษ์ ตามธีม ‘ย ยักษ์ อ่านใหญ่’

แกรนด์สุดในรอบ 53 ปี บนพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. บิ๊กสุดในอาเซียน

ปักหมุด ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ รอเลย 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG

ADVERTISMENT

สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) นำทีมแถลง 7 โซน หนังสือดี ทั้งไทยและต่างประเทศ 1,200 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์

จัดเต็มนิทรรศการและกิจกรรมหลากหลาย กว่า 100 รายการ พร้อมเปิดพื้นที่พิเศษต้อนรับนักเขียนหน้าใหม่

ครั้งแรกของ PUBAT Cafe และบริการนวดแผนไทย ช่วยผ่อนคลายนักช้อปให้หายปวดเมื่อย

เท่านั้นยังไม่พอ อีกหนึ่งความพิเศษคือ ‘Bangkok Rights Fair 2025’ งานแฟร์จับคู่ธุรกิจ เพื่อการซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือนานาชาติ โดยมีสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์กว่า 115 บริษัท จาก 14 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะสหราชอาณาจักร, จีน ฯลฯ

หลังจบถ้อยแถลงที่มากมายด้วยสักขีพยาน ทั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ และพันธมิตร ผู้สนับสนุน ตลอดจนนักเขียน ศิลปิน นักวาดชื่อดังคับคั่ง

ยังมีเสวนาแลกเปลี่ยนหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจในชีวิต โดย สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์, ธชย ประทุมวรรณ หรือเก่ง เดอะวอยซ์, จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์ หรือเมฆ นักแสดงและนักร้อง, ทศพร อาชวานันทกุล หรือ ‘ซิน ซิงกูล่าร์’ และ ธีรเทพ วิโนทัย หรือลีซอ อดีตนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ร่วมพูดคุยอย่างออกรส

คณะกรรมการสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ (PUBAT) พร้อมด้วยพันธมิตร ผู้สนับสนุน ตลอดจนนักเขียน ศิลปิน นักวาดชื่อดัง ร่วมแถลงข่าวคับคั่ง

⦁แง้มความลับ จุดเปลี่ยน ‘คิดต่าง’ รีแบรนดิ้งตัวเอง

เปิดเวทีด้วยมุมมองของ ธชย หรือ ‘เก่ง เดอะวอยซ์’ ที่เริ่มต้นด้วยการขับเสภา ซึ่งแต่งโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา กวีนิพนธ์รางวัลซีไรต์

ขับกล่อมเพลินใจ ก่อนตอบคำถามที่ว่า หนังสือเล่มใด ‘เปลี่ยนชีวิต’ ได้แนวคิดใหม่ๆ?

เก่ง ธชยให้คำตอบว่า หนังสือเล่มโปรดในดวงใจมีชื่อว่า ‘ทวนกระแสธุรกิจ คิดต่าง ไม่มีทางตัน’ ซึ่งเขียนโดย โทริอุจิ ฮิโรกาซุ เป็นหนังสือแปลจากภาษาญี่ปุ่น ไปเจอช่วงที่กำลังจะกลับบ้าน

“ตอนนั้นน้ำท่วมกรุงเทพฯ อยากจะหยิบสัก 2-3 เล่มกลับไปอ่าน ช่วงนั้นชีวิตฝ่าอะไรมากมาย ทำเพลงแล้วก็ยังไม่เวิร์ก รู้สึกว่าค่ายเพลงมองเราเป็นโปรดักต์ งั้นเราลองเป็นโปรดักต์จริงๆ ไหม แทนที่จะไปเดินเชลฟ์หนังสือให้แรงบันดาลใจ เลยไปเดินเชลฟ์แนวธุรกิจ (business) ดู

เล่มนี้สอนอะไรหลายอย่าง สอนให้รีแบรนดิ้ง ให้ปรับแพคเกจจิ้ง หนังสือมีข้อมูลบางอย่างให้เรา แต่เราต้องย่อยเพื่อนำไปใช้เอง แต่ผมเชื่อว่าถ้าใครได้อ่านเล่มนี้ จะนำไปปรับใช้ได้ในแบบของตัวเอง” เก่ง ธชยเล่า

เมื่อถามว่า ก่อนที่จะรีแบรนดิ้งตัวเอง แบรนด์เก่าเป็นแนวไหน แล้วหนังสือเล่มนั้นมีส่วนทำให้กลายเป็นเดอะวอยซ์ ในวันนี้ด้วยหรือไม่?

เก่ง ธชยเปิดใจว่า เมื่อก่อนเป็นคนถนัดร้องเพลงช้า เรียกว่า ‘สายสกิล’ แต่มันไม่ฉูดฉาด สไตล์ยังไม่ชัด เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้มันคือการ ‘คิดต่าง’ ทำอย่างไรให้สิ่งที่เรามีอยู่นั้นแตกต่างออกไป

ยังมีเรื่องราวที่ชวนเซอร์ไพรส์ นั่นคือนักร้องดังท่านนี้เปิดเผยบนเวทีว่า มีหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านทุกวันคือ ‘มนต์พิธี’ เป็นบทสวดมนต์เล่มสีส้ม ที่มีทุกวัด หน้าตาคล้ายกับหนังสือ Manifest

แม้จะเป็นเพียงหนังสือสวดมนต์ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้จิตใจสงบ มีสมาธิ และสติ

ส่วนเล่ม ‘โชคดีที่มึงได้อ่าน’ ของ ‘น้าเน็ก’ ก็บอกเลยว่า ‘โดนตก’ มาจากติ๊กต็อกเหมือนกัน

“มีอยู่ประโยคหนึ่งที่น้าเน็กบอกว่า คุณเปลี่ยนแปรงสีฟัน เปลี่ยนผ้าเช็ดตัวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ซึ่งมันเป็นประโยคที่ทำให้เราหันกลับมามองตัวเอง เพราะบางทีเราก็มัวแต่สนใจคนอื่น” เก่ง ธชยทิ้งท้ายชวนให้ขบคิด

ธชย ประทุมวรรณ และ สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์

⦁รู้จักรักตัวเอง อ่านเพื่อถามใจ ไม่เปรียบเทียบ

จากนั้นถึงคิว จิรกิตติ์ หรือ เมฆ ที่ควบบทบาททั้งนักร้องและนักแสดง

บอกเลยว่า ส่วนตัวแล้วเป็นแฟนคลับเก่ง เดอะวอยซ์ อยากรู้ว่าก่อนประกวดเป็นอย่างไรจึงลองไปเสิร์ชดู ทำให้รู้ว่าสไตล์การร้องยังคงเทคนิคเดิม แต่วิธีการแสดงออก การเพอร์ฟอร์แมนซ์ ทั้งหน้าตาและทรงผมเปลี่ยนไป

“รู้สึกว่าต้องมีอะไรสักอย่างเป็นตัวจุดชนวนที่ยิ่งใหญ่มาก อันนี้คือความลับสุดยอด” เมฆค่อนข้างอึ้งกับสิ่งที่เก่งเล่า

เมื่อถามถึงหนังสือที่อ่านจริงจัง ได้คำตอบว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอะไรง่ายๆ เลยหยิบเล่มที่เพิ่งอ่านจบแล้วชอบมาแนะนำ คือเล่ม ‘Manifest’ ที่เขียนโดย
ร็อกซี นาฟูซี

“หลายคนเคยเข้าใจ Manifest ว่ามันคือกฎแห่งแรงดึงดูด ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า ต้องคิด เชื่อ พูด ถึงสิ่งนั้น แต่สิ่งที่ผมได้จากเล่มนี้คือสิ่งที่สะท้อนจิตใจของผม ว่ามีมุมไหนในชีวิตบ้างที่เราสามารถรักตัวเองได้มากกว่านี้ มันเป็นเล่มที่ผมอ่านแล้วมานั่งคิด เอาไปคุยกับคนใกล้ตัวแล้วสะเทือนใจ ร้องไห้ พูดคุย ได้เคลียร์กัน เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง ถ้าจะแนะนำ เล่มนี้อ่านง่ายสำหรับทุกคนแน่นอน มันทำให้เรารักตัวเองได้ในมุม
อื่นๆ ด้วย”

สำหรับเวิร์ดดิ้ง หรือข้อความไหนที่ทัชใจเป็นพิเศษ นักร้องนักแสดงหนุ่มเผยว่า มีบทหนึ่งที่ชอบมาก คือ มนุษย์เราเล่นโซเชียลมีเดียด้วยความรู้สึกที่ ‘ยิ่งเล่น ยิ่งแย่ลง’ เช่น เราอาจจะนั่งเล่นในห้อง จิบชาอย่างมีความสุข แต่พอเราเปิดอินสตาแกรม (IG) แล้วเจอเพื่อนไปเที่ยวที่ที่เราอยากไป เขาไปกัน 4-5 คน แล้วเรารู้สึกเสียใจ แต่ถ้าถามตัวเองจริงๆ เราอยากออกไปข้างนอก หรืออยู่ในห้องกันแน่?

“บางทีเราอาจจะอยากใช้เวลานั่งพักผ่อนในบ้าน ความรู้สึกที่ว่า ‘เราไม่เหมือนคนอื่น’ ทำให้เรารู้สึกแย่ เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นโดยที่ไม่จำเป็น เรารู้สึกว่าเพื่อนไปเที่ยวไม่ชวนเราเลย แต่ถามว่าเราอยากไปไหม ก็อยากอยู่บ้านมากกว่า ในแง่มุมแบบนี้มันทำร้ายเราโดยที่ไม่รู้ตัว

ผมเชื่อว่า ‘การอ่าน’ ทำให้เราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น เราอ่านเพื่อเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับโลก พอเราเข้าใจโลก เราจะกลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น” เมฆ จิรกิตติ์เชื่ออย่างนั้น

จากที่สมาธิสั้น เคยอ่านแล้วหลับ พออ่านไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นติด เหมือนว่าการอ่านยังช่วยในเรื่องสมาธิได้ด้วยเหมือนกัน

ปีนี้มาในธีม ‘ย ยักษ์ อ่านใหญ่’

⦁ได้วิธีคิด ได้คลังคำ นอนหลับดี มีโฟกัส

ด้าน ทศพร หรือ ซิน ซิงกูล่าร์ เผยว่า เวลาแต่งเพลงมักจะได้คอนเซ็ปต์บางอย่างที่แทรกอยู่ข้างในหนังสือ โดยเล่มที่ชอบคือ ‘เดอะริง คำสาปมรณะ’

คิดว่าอายุของเล่มนี้น่าจะ 20 กว่าปีแล้ว ความพิเศษคือข้างในมีลายเซ็นผู้เขียน ‘ซุสุกิ โคจิ’

เป็นคนไปต่อคิวขอลายเซ็นเอง

จำได้ว่าตอนนั้นอาจารย์เขามีช่วงที่ออกเล่มที่ 3 แล้วบินมาที่งานหนังสือที่ไทยด้วย โชคดีที่เราเลือกมาวันที่ทำกิจกรรมแจกลายเซ็นพอดี

“ที่เลือกเล่มนี้ เพราะรู้สึกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวรรณกรรมญี่ปุ่นในประเทศไทย หลังแปลในไทยก็บูมขึ้นอย่างมาก อาจจะด้วยอาร์ตเวิร์กเปลี่ยนไปจากสมัยก่อน เป็นอีกยุคหนึ่ง หลังจากนั้นหนังสือแปลเป็นญี่ปุ่นก็เริ่มบูม ซึ่งมีหลายแนว ทั้ง Horror โรแมนติก”

ถามถึงความต่างระหว่างหน้ากระดาษกับหน้าจอ

“เรารู้สึกว่าในเวอร์ชั่นหนังสือ จะมีโฟกัสบางอย่างมากกว่าเวอร์ชั่นภาพยนตร์ เราโฟกัสไปที่ตัวเอง ที่เราเห็นเป็นผีออกมาจากทีวี ก็ไปโฟกัสว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง ตัวตนเขาเป็นอย่างไร จริงๆ แล้วตัว ‘ซาดาโกะ’ มีสองเพศ สองอวัยวะในคนเดียว แต่ยังไม่ได้รับการยอมรับ มีเรื่องราวเกิดขึ้นจนเขาเสียชีวิต ก็เลยทรานส์ฟอร์มตัวเองมาเป็นไวรัส” ทศพรเผย

เมื่อถามถึงเรื่องราวที่เปลี่ยนชีวิตจนอยากแชร์?

สำหรับ ซิน ซิงกูล่าร์ การอ่านมันทำให้เราได้หลุดเข้าไปในโลกหนังสือ โดยที่เราไม่ต้องไปเจอประสบการณ์บางอย่างด้วยตัวเอง แต่เราได้คอนเซ็ปต์ ได้วิธีคิดบางอย่าง ที่มันจะปิ๊งขึ้นมาเวลาต้องใช้

ได้คลังคำ ได้บางประโยค ที่มันแทรกขึ้นมาเวลาเราแต่งเพลง

“ปัจจุบันก็ยังอ่านอยู่เรื่อยๆ แต่ส่วนตัวแล้วชอบอ่านแนววรรณกรรมแปล ญี่ปุ่น และชอบอ่านหนังสือก่อนนอนด้วย เพราะอ่านแล้วหลับดี” ซินเล่าด้วยรอยยิ้ม

คณะกรรมการบริหารสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ (PUBAT) พร้อมด้วยพันธมิตร ผู้สนับสนุน ตลอดจนนักเขียน ศิลปิน นักวาดชื่อดัง ร่วมแถลงข่าวคับคั่ง

⦁โชคดีที่ได้อ่าน หลุดจากคอมฟอร์ตโซน เพราะเวิร์ดดิ้งปลุกใจ

ขณะที่ ธีรเทพ หรือ ลีซอ ออกตัวก่อนว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอ่านเพราะสมาธิสั้น

“อยู่นิ่งๆ นานๆ แล้วจะอยากจะขยับตัว ด้วยเนเจอร์เราเป็นนักกีฬาด้วย เลยเลือกอ่านอะไรง่ายๆ พอโตขึ้นรู้สึกว่าต้องเริ่มอ่านบ้าง ก็ไปหยิบหนังสือของน้าเน็ก หลังจากที่ตามฟังมาเรื่อยๆ เพราะชอบวิธีสอนคนของเขา”

ลีซอ ยกให้เล่มใหม่ ‘โชคดีที่มึงได้อ่าน’ ที่เขียนโดย เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือน้าเน็ก เป็นเล่มที่ทัชใจ

“เราดูในยูทูบมาตลอด พอเขาทำหนังสือออกมาเลยอยากลองอ่าน พออ่านแล้วชอบ เข้าใจง่าย น้าเน็กใช้ภาษาง่ายๆ เพราะถ้าอ่านยาก เข้าใจยาก อาจจะกลายเป็นไม่อยากอ่านก็ได้” ธีรเทพพูดได้ตรงใจ

เมื่อถามถึงความรู้สึกโชคดี ที่ได้อ่านเล่มนี้?

สำหรับลีซอแล้ว จะมีอยู่เวิร์ดดิ้งหนึ่งที่น้าเน็กบอกกับคนที่เคยมาปรึกษาในเรื่องความรัก

“ผู้หญิงโดนแฟนทำร้าย แต่ตัวเองก็ไม่ยอมออกจากจุดนั้น น้าเน็กบอกว่า สุดท้ายไม่ใช่เขาผิด แต่เป็นคุณที่โง่ ยอมให้ตัวเองอยู่ในสภาวะนั้นซ้ำๆ เพราะบางคนคิดด้อยค่าว่าถ้าเลิกไปคงไม่มีทางได้เจอคนใหม่ๆ เลยทนอยู่กับความรู้สึกเดิมซ้ำๆ ลองออกจากคอมฟอร์ตโซนดูก่อน อย่าไปด้อยค่าตัวเอง”

“เหมือนกับการที่เราเป็นนักกีฬา เราคิดว่าทำดีแล้ว แต่ก็ยังผิดหวัง ทำไมไม่สำเร็จสักที บางทีมันยังดีไม่พอ เราเลยต้องพาตัวเองออกจากคอมฟอร์ตโซนแล้วทำตัวเองให้ดีขึ้น ทำไมโค้ชไม่ชอบ ไม่เลือกเรา กลายเป็นไปตั้งกำแพง แทนที่จะพยายามใหม่ให้ดีขี้น” ธีรเทพเปิดใจ

⦁เพิ่มขนาด ขยายตลาด สร้างประวัติศาสตร์ งานบุ๊กแฟร์ยิ่งใหญ่ในอาเซียน

ด้าน สุวิช นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ เมื่อถามถึงเล่มที่ชอบ?

ขอยกให้ ‘ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก’ ที่เขียนโดย คิมโฮย็อน ซึ่งพูดถึงคนจรจัด ที่ได้มาเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ

“บางทีเรามองผิวเผิน อาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี”

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ย่อยง่าย แต่ได้เรียนรู้ที่จะไม่ตัดสินผู้คนจากภายนอก

สุวิชยังทิ้งท้ายด้วยการเชิญชวนนักอ่านทุกท่านมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันในงานสัปดาห์หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน พร้อมให้คำมั่นว่าจะจัดให้ยิ่งใหญ่อย่างนี้ต่อไป

ยักษ์ เป็นตัวแทนของความยิ่งใหญ่ เพราะครั้งนี้เราขยายฮอลล์จาก 3 เป็น 4 ฮอลล์ หรือ 20,000 ตร.ม. กว่า 1,200 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์ คาดยอดขายกว่า 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-10%

และด้วยความสำเร็จ Bangkok Rights Fair 2024 ปีที่แล้วในการ B2B ซื้อขายลิขสิทธิ์ ได้รับความสนใจจากหลายประเทศ ที่กำลังมองหาผลงานจากนักเขียนไทย

“ปีนี้เราจึงขยายเพิ่มอีก จากครั้งที่แล้วมีรายได้สูงถึงกว่า 50 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าสะพัดที่ 68.5 ล้านบาทจากการซื้อขายลิขสิทธิ์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มีนาคมนี้

“ในครั้งนี้ มีสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์เข้าร่วมกว่า 115 บริษัท จาก 14 ประเทศและเขตแดน อาทิ สหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี ไต้หวัน พม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย โดยภายในงานตั้งเป้าหมายที่จะมีการเจรจาการค้า (Business Matching) มากกว่า 200 คู่”

เดินช้อปหนังสือจนเมื่อย ยังมีบริการนวดคอบ่าไหล่ และร้านกาแฟ พร้อมคุกกี้แจกฟรีวันละ 100 ชิ้น เมื่อซื้อหนังสือครบ 500 บาท รวมถึงกิจกรรมอีกนับ 100 กิจกรรม

“เราจำลองบ้านยักษ์แบบโอเวอร์ไซซ์ โดยจะโชว์หนังสือธรรมดาๆ ที่คุณน่าจะอ่านได้ อย่างเล่ม ‘กาสักอังก์ฆาต’ ที่เขียนโดย กิตติศักดิ์ คงคา เป็นผลงานที่คนไทยอาจมองข้ามไป ซึ่งเขียนบรรยายได้เหมือนเราเป็นตัวละครเข้าไปอยู่ในนั้น ทั้งยังมีหนังสือที่ได้รับการสนับสนุนในการแปลเป็นภาษาอังกฤษ อีก 15 เล่ม”

“เรียกได้ว่ากิจกรรมมากมายจนกล่าวถึงไม่หมด” สุวิชเหยาะน้ำจิ้มสารพัดรสชาติ เตรียมเสิร์ฟจานหลักที่ห้ามพลาด ต้องมาสัมผัสในปลายเดือนนี้