ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
แท็งก์ความคิด : ฟื้นที่อ่านหนังสือ
ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
ใครสนใจหาความรู้และความบันเทิงจากหนังสือ สามารถไปเที่ยวงานได้เลย
ภายในงานมีสำนักพิมพ์ต่างๆ มาออกบูธจำนวนมาก หนึ่งในจำนวนนี้ย่อมมีสำนักพิมพ์มติชนรวมอยู่ด้วย
ประจำการอยู่บูธ J02
มติชนยังเดินหน้าส่งเสริมการอ่านต่อเนื่อง และเมื่อสัปดาห์ก่อนได้ยินข่าวน่ายินดีเรื่องการส่งเสริมการอ่าน
นั่นคือ ข่าวที่กระทรวงศึกษาธิการได้สำรวจการรู้หนังสือของประชากรไทยปี 2568
พบว่า อัตราการรู้หนังสือของไทยสูงขึ้นกว่าเดิมที่เคยสำรวจ
นั่นคือ เดิมผลการสำรวจระบุว่าคนไทยรู้หนังสือ 94 เปอร์เซ็นต์
แต่ปี 2568 พบว่าคนไทยรู้หนังสือ 98 เปอร์เซ็นต์
การสำรวจดังกล่าวดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ มีครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเก็บข้อมูลทั่วประเทศ
สุ่มตัวอย่างจาก 7,429 ตำบล กระจายตามสัดส่วนครัวเรือน ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมกว่า 225,963 ครัวเรือน คิดเป็นประชากรทั้งสิ้น 533,024 คน
ผลที่ออกมายืนยันในมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้ได้พบว่าคนไทยส่วนหนึ่งมีภาวะลืมหนังสือ
กลุ่มที่เผชิญหน้ากับภาวะเช่นนี้ คือ กลุ่มผู้สูงวัย และกลุ่มผู้ไม่มีงานทำ
ภาวะการลืมหนังสือเกิดจากการอ่านน้อยลง ทำให้ทักษะการอ่านถดถอย
ที่พึงระวังคือ กลุ่มผู้มีภาวะลืมหนังสือเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ถือเป็นภัยเงียบที่ทำให้คุณภาพการอ่านของคนไทยลดน้อยลง
เมื่อกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ทราบ จึงแสวงหาหนทางแก้ไข
ผลการสำรวจครั้งนี้ได้แสวงหาหนทางแก้ไข พบว่าปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการรู้หนังสือมากขึ้น คือ แรงขับจากความต้องการมีงานทำ โดยเฉพาะเขตอุตสาหกรรม
ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพในการรู้หนังสือของผู้เรียน คือ ความเหลื่อมล้ำระหว่างสถานศึกษาขนาดเล็กและขนาดใหญ่
ปัจจัยดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว
นอกจากนี้ ยังพบว่าสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการรู้หนังสือ และป้องกันภาวะการลืมหนังสือ คือ การกระตุ้นให้เกิดการรวมกลุ่มกันตามความสนใจ และกลุ่มอายุ
ฟังแล้วก็พอมีความหวัง เพราะแม้จะพบปัญหาเรื่องภาวะลืมหนังสือ แต่ก็พบทางแก้ไขได้เช่นกัน
และเมื่อพบหนทางการแก้ไข การผลักดันให้การแก้ไขเกิดเป็นรูปธรรมจึงจำเป็น
กระทรวงศึกษาธิการเองก็กำลังดำเนินการเรื่องนี้
ข้อเสนอในเชิงนโยบาย ได้แก่ 1.การเพิ่มอัตราการรู้หนังสือกลุ่มผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ความมั่นคงในชีวิต และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี
2.การส่งเสริมการรู้หนังสือที่เพิ่มมากขึ้นต้องสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมการอ่านตามความสนใจและต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
3.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการอ่าน ช่วยทำให้มีโอกาสพัฒนาการอ่านได้ดี
และ 4.การส่งเสริมให้ประชากรที่ว่างงานมีงานทำ ทำให้ประชากรที่ว่างงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเกิดภาวะการลืมหนังสือมีการพัฒนาตนเอง และพัฒนาทักษะการอ่านได้ดี
เมื่อแนวทางในการแก้ไขมีแล้ว ก็เหลือแต่จะทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม
หนทางหนึ่งที่กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอ คือการฟื้นที่อ่านหนังสือที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 54,000 แห่ง ให้กลับมามีชีวิต
เดิมทีที่อ่านหนังสือเหล่านี้กระทรวงศึกษาฯเป็นผู้ดูแล ภายหลังมีการส่งต่อโครงการนี้ให้ท้องถิ่นดู
จากวันนั้นถึงวันนี้ปรากฏว่าการส่งเสริมการอ่าน เรื่องการอ่านหนังสือ ไม่มีการขับเคลื่อนต่อเนื่อง
ถ้ามีความต่อเนื่องประเด็นภาวะลืมหนังสือคงไม่กลายเป็นปัญหาขึ้นมา
ดังนั้น เพื่อให้การแก้ปัญหาภาวะลืมหนังสือเกิดขึ้น การใช้งบประมาณเพื่อฟื้นที่อ่านหนังสือทั่วประเทศให้กลับมามีชีวิตย่อมสำคัญ
แม้เบื้องต้นจะทำเพื่อผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ไร้งานทำ
แต่ที่อ่านหนังสือในชุมชนหมู่บ้านสามารถเป็นได้มากกว่านั้น
ที่อ่านหนังสือในชุมชนหมู่บ้านเป็นที่ที่สามารถมาติดตามข่าวสาร สามารถมาเพิ่มเติมความรู้ สามารถเข้ามาหาเพื่อน และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
ความจริงข้อเสนอให้ฟื้นที่อ่านหนังสือในหมู่บ้านเกิดขึ้นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
มติชนก็เป็นหนึ่งในผู้ผลักดันรัฐบาลสนับสนุนการอ่านในชุมชน
และผลักดันให้มีการส่งเสริมให้คนไทยอ่านหนังสือ
วันนี้แม้ความฝันอยากเห็นคนในหมู่บ้านมีหนังสืออ่านไม่แตกต่างจากคนในเมืองจะเริ่มริบหรี่
แต่เมื่อกรมส่งเสริมการเรียนรู้จุดประกายความหวังขึ้นมาใหม่ก็ยังคงขอฝันต่อ
และปรารถนาอยากให้ฝันนี้กลายเป็นจริง
นฤตย์ เสกธีระ