ผู้เขียน | ทีมข่าวเฉพาะกิจ |
---|
เปิดโฉม 7 เล่มท็อป
ศาสตร์ที่ชอบ เรื่องที่ใช่
ช้อปสนั่น ไม่หวั่นแผ่นดินไหว
สำหรับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ยิงยาว 12 วันเต็ม ถึง 7 เมษายนนี้ ปักหมุดชั้น LG ฮอลล์ 5-8
ผู้คนยังหนาแน่น แม้เพิ่งประสบเหตุธรณีพิบัติภัยเขย่ากรุง ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นต่อถ้อยแถลงของกรุงเทพมหานคร นำโดย ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ดูเหมือนจะโกยคะแนนใจไปแบบเต็มๆ จากภาวะวิกฤตครั้งนี้
ครั้นโฟกัสมายังบูธ J02 ของ สำนักพิมพ์มติชน ผู้คนก็ช่างหนาตา แวะและวาร์ป มาซื้อหาเล่มถูกใจไปอ่าน ไปดอง กันล้นหลาม
ว่าแล้ว มาส่อง 7 อันดับขายดี ตามยอดการรวบตึง 3 วันแรก ระหว่าง 27-29 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าเล่มไหนปัง เล่มไหนโดนใจจนติดท็อปเท็น!
‘ศาสนาผี’ ยืนหนึ่ง สุจิตต์ เสกกับมือ
ปฐมฤกษ์ ปั๊มแบรนด์ ทอดน่อง
อันดับที่ 1 ศาสนาผี เขียนโดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
เจ้าเก่า เจ้าแก่ แต่ไม่เคยหมดไฟ ขยันจัดหนักควักข้อมูลเต็มเหนี่ยวจากสคริปต์ที่ใช้ในรายการดังอย่าง ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว
ปั๊มโลโก้รายการบนปกหน้า ประกาศเป็นเล่มปฐมฤกษ์เบิกโรงของซีรีส์ทอดน่องฯ
บอกเล่าความเชื่อเก่าแก่ในอุษาคเนย์และอาจจะของโลก มีมาก่อนศาสนาใดๆ ไม่ว่าพุทธหรือพราหมณ์ ปรากฏพบเห็นเป็นมรดกทางประเพณีวัฒนธรรม หรือหลักฐานทางโบราณคดีของมนุษย์ยุคโบราณ
ความเชื่อเรื่องผีปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะผสมกับความเชื่อทางพุทธและพราหมณ์ ผีจึงเป็นกลายเป็นตัวแทนความหวาดกลัว สยดสยอง ปองร้าย มากกว่าเป็นพลังอำนาจควรค่าเคารพบูชา อย่างไรก็ดี ความยิ่งใหญ่ของผี ก็ยังหลงเหลืออยู่ในสำนึกของคนไทย ตกทอดเป็นความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรมของบางกลุ่ม บางวัฒนธรรมในประเทศไทย ซึ่งสามารถสืบย้อนหารากเหง้าได้จากหลายเรื่อง เป็นต้นว่า เรื่องของ ขวัญ พลังชีวิตของมนุษย์, การเข้าทรง, ความตายและงานศพ ฯลฯ ทั้งหมดล้วนมีที่มาหรือมีคติผีตกทอดสอดแทรกอยู่ทั้งสิ้น
‘มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย’
ผลงานสุดท้าย ‘อ.ตุล’
อันดับที่ 2 ภารตะ-สยาม มูฯ ไทย ไสยฯ อินเดีย
ผลงาน คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ผู้ล่วงลับ นับเป็นชิ้นสุดท้ายที่ฝากไว้ในบรรณพิภพและวงวิชาการ
รวมบทความว่าด้วยความเชื่อ มูไทย ไสยอินเดีย ที่ผสมผสานอยู่ในศาสนาไทย พุทธ พราหมณ์ ผี และเป็นที่ศรัทธาของสังคมวงกว้าง
ดูเหมือนว่า ปรากฏการณ์ มูเตลู จะกลายเป็นกระแสนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นำไปสู่การตั้งคำถามต่อความศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมดั้งเดิมในสังคมที่หวงแหนกีดกันเฉพาะคนบางกลุ่ม ในขณะเดียวกัน ผู้คนก็โอบรับความเชื่อ พิธีกรรมใหม่ๆ ที่สอดรับกับวิถีชีวิตในยุคใหม่ แน่นอนย่อมนำสู่การโต้เถียง วิพากษ์วิจารณ์ ว่าที่จริงแล้ว เรื่องใดเป็นศาสนา เรื่องใดเป็นของงมงาย
หนังสือเล่มนี้ ไม่ร่วมวงไปเถียงเอาเป็นเอาตาย หรือชี้ขาดว่าแบบใดถูกแบบใดผิด แต่ชวนผู้อ่านถอยออกมามองปรากฏการณ์ มูเตลู อย่างรอบด้าน
ความเข้าใจปรากฏการณ์ มูเตลู ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องน่ารู้ แต่ยังช่วยให้เราเปิดใจโอบรับความเชื่อที่หลากหลายในสังคมได้ไม่ยากเย็น และไม่เผลอไผลตั้งตัวเป็นศาลศาสนาตัดสินความเชื่อใคร
ประชาธิปไตยไทยที่ถดถอย
ประจักษ์ ไม่ยอมสปอยล์ อยากรู้ต้องอ่าน!
อันดับที่ 3 ประชาธิปไตยไทยที่ถดถอย: สมรภูมิการเมืองไทยสู่ความขัดแย้งใหม่ที่ยังไม่จบ ผลงาน ประจักษ์ ก้องกีรติ
นำเสนอภาพรวมของการเมืองไทยไว้อย่างกระชับและครบถ้วน ตั้งแต่ทศวรรษ 2490 ซึ่งเป็นช่วงที่พันธมิตรระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับกองทัพเริ่มก่อตัวขึ้น จนถึงพัฒนาการล่าสุดภายหลังการเลือกตั้งอันสั่นสะเทือนใน พ.ศ.2566
โดยเจาะลึกถึงลักษณะเฉพาะของรัฐไทย การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมือง การประท้วงบนท้องถนน การขับเคี่ยวในสนามการเลือกตั้ง ไปจนถึงความขัดแย้งทางอุดมการณ์ และเผยให้เห็นสัญญาณเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหม่เพื่อสร้างระเบียบทางการเมืองที่เป็น ประชาธิปไตย
เจ้าตัว เพิ่งมาแจกลายเซ็นหมาดๆ เมื่อเสาร์ที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีแฟนๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ตั้งแถวรอมากมายจนต้องแจกบัตรคิว
จริงๆ ก็ติ่นเต้น ตื่นเต้นมาก เพราะเด็ก ม.4 ม.5 มาซื้อ ก็ดีใจ แสดงว่าคนตื่นตัว โดยเฉพาะเยาวชน สะท้อนว่าความตื่นตัวทางการเมืองยังมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน
ที่เราคิดว่า กระแสมันเหมือนหายไป แสดงว่ามันไม่ได้หายไปไหน เขายังติดตามข้อมูล ข่าวสาร สนใจใฝ่รู้ อ่านงานวิชาการที่อาจจะหนักด้วยซ้ำ ผู้ใหญ่บางทีชอบดูเบา ว่าเด็กไม่อ่านหนังสือ เด็กเล่นเกม เล่นอินเตอร์เน็ต ซึ่งมันไม่จริงเสมอไป เราก็เห็นได้จากงานสัปดาห์หนังสือฯ รวมถึงในบูธมติชนเองที่เด็กมาซื้อหนังสือมีสาระหนักๆ
ผมว่าเขาแสวงหา เขาอยากได้คำตอบ อยากได้ความรู้ ประจักษ์ วิเคราะห์ความฮอต พร้อมย้ำด้วยว่า การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว ส่งผลกระทบต่อชีวิตเราทุกคน หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เขียนให้อ่านยาก พยายามถ่ายทอดให้สนุก มีสีสัน ติดตามเข้าใจได้ง่าย
เมื่อถามต่อไปว่า บทไหน ท่อนไหน วรรคไหน ที่ต้องขีดเส้นใต้
อาจารย์รัฐศาสตร์ รั้วธรรมศาสตร์ ไม่ยอมสปอยล์ ย้ำว่า ต้องอ่าน!
จริงๆ ก็ตั้งแต่บทแรกเลย เด็กอาจจะโตไม่ท้น ว่า จอมพลสฤษดิ์ คือใคร แต่ถ้าอยากรู้จุดเริ่มต้นของการเมืองที่เป็นแบบนี้ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ถ้าใครอยากได้คำตอบ ต้องอ่านเล่มนี้ ไม่เฉลย (ยิ้ม)
Likable Japan เมืองที่ใช่ ยังไงก็ชอบ
ชัชชาติ ยังพุ่งซื้อ!
อันดับที่ 4 Likable Japan เมืองที่ใช่ ยังไงก็ชอบ ผลงาน ปริพนธ์ นำพบสันติ ชื่อนี้การันตีเรื่องเมืองๆ อ่านแล้วรู้เรื่อง สาระเน้น ไอเดียนิ้ง
เติมเต็มเรื่องราวของเมืองญี่ปุ่นในหนังสือเล่มที่ 3 ของซีรีส์ ผ่านสายตาและมุมมองของ โบ๊ท ปริพนธ์ นำพบสันติ นักเล่าเรื่องผู้หลงใหลในเสน่ห์และกลิ่นอายเมืองแห่งแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมพาผู้อ่านกลับไปสำรวจเบื้องหลังการออกแบบพัฒนาเมือง และเบื้องลึกรายละเอียดต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในแทบทุกมุมเมืองที่จะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมเมืองของญี่ปุ่นจึงกลายเป็นหนึ่งในเมืองต้นแบบที่แสนนำสมัย เป็นเมืองที่ใช่! ในแบบใครๆ ก็ชอบ
ไม่ต้องโฆษณาเยอะ เจ็บคอ เอาเป็นว่า ขนาด ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังพุ่งซื้อติดมือกลับบ้านตั้งแต่เทศกาล อ่านเต็มอิ่ม ซึ่งจัดโดยเครือมติชน ร่วมกับพันธมิตร ณ มิวเซียมสยาม เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ประวัติจีนกรุงสยาม
จังหวะพอดี 50 ปีสัมพันธ์การทูตไทย–จีน
อันดับที่ 5 หนังสือชุด ประวัติจีนกรุงสยาม เล่ม 1-3 ผลงาน เจฟฟรี ซุน และ พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร แปลโดย พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร, กิตติพัฒน์ มณีใหญ่, สมชาย จิว และ นิรันดร นาคสุริยันต์
เห็นรายนามคุณนามระดับตำนานด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนเช่นนี้ ไม่มีเก็บ ไม่มีอ่าน ไม่มีติดบ้านไม่ได้แล้ว
3 เล่มครบจบ มีให้เลือกทั้งปกแข็งปกอ่อน
บอกเล่าเรื่องราวลึกซึ้งของ คนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งอพยพเข้ามาในไทยในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 อย่างไรก็ดี คนไทยเชื้อสายจีนในปัจจุบัน ไม่ได้มีเฉพาะคนที่บรรพบุรุษโล้สำเภาเข้ามาตั้งถิ่นฐานและก่อร่างสร้างตัวในเมืองสยามช่วงรัชกาลที่ 5 เท่านั้น
อันที่จริง ประเทศไทยกับคนจีนมีสัมพันธ์โยงใยสืบเนื่องกันมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏในบันทึกประวัติศาสตร์ ระเบียบประเพณี ภาษา และอิทธิพลของศิลปกรรมจีน ความสำคัญของคนจีนโดดเด่นยิ่งขึ้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ลูกจีน รวบรวมบ้านเมืองที่กระจัดกระจายให้เป็นปึกแผ่น
กระทั่งการมาถึงของเรือปืนตะวันตกก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังเกิดสงครามฝิ่น คนจีนตอนใต้พากันอพยพมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเรือกลไฟที่บรรทุกผู้โดยสารได้เป็นจำนวนมาก ความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการปฏิรูปประเทศในรัชกาลที่ 5 ณ เวลานั้น คนจีนอพยพจำนวนมหาศาลข้ามน้ำข้ามทะเลมาหางานทำในสยามประเทศ สมประโยชน์กับนโยบายของกษัตริย์สยามที่ต้องการจะสร้างความเป็นสมัยใหม่ กระนั้นประชากรจีนอพยพที่เพิ่มมากขึ้น กอปรกับปัญหาต่างๆ ที่พ่วงติดมาเป็นเงาตามตัว ได้สร้างความกังวลใจให้แก่ทั้งรัฐบาลกษัตริย์และรัฐบาลคณะราษฎร เกิดเป็นความพยายามที่จะสร้างสำนึกจงรักภักดีให้เกิดแก่คนจีน ในยุคที่ชนชั้นนำพยายามจะสร้างรัฐชาติไทยภายใต้อุดมการณ์ชาตินิยม
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีชัยเหนือพรรคชาตินิยมจีน (ก๊กมินตั๋ง) รวบรวมประเทศที่แตกแยกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และปิดประตูจากโลกภายนอก คนจีนที่อพยพออกจากประเทศเมื่อครึ่งศตวรรษก่อนจึงหมดหนทางหวนคืนแผ่นดินเกิด ในเวลานี้ ชาวจีนโพ้นทะเลเริ่มลงหลักปักฐานแน่แล้ว และเป็นช่วงเดียวกับที่ชาวจีนบางส่วนเข้าไปสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับระบบราชการไทย ไม่ก็สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นจากการเป็นแรงงานอิสระ จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการเมืองและเศรษฐกิจของรัฐไทยอย่างมิอาจมองข้ามได้
โปรยมายาวขนาดนี้ ย้ำชัดว่าของเขาดีระดับ ขึ้นหิ้ง
เปลี่ยนอีสานให้เป็นไทย
เจาะลึกสำนึกการเมืองแห่งที่ราบสูง
อันดับที่ 6 : เปลี่ยนอีสานให้เป็น ไทย: อุดมการณ์รัฐชาติกับสำนึกการเมืองของคนที่ราบสูง ผลงาน ประวิทย์ สายสงวนวงศ์
เปืดตัวปังๆ ไปหมาดๆ ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ ทั้งขยี้ และขยายปมลึกหลากหลาย ทำไมคนอีสาน อินการเมือง นับแต่อดีตจวบจนวันนี้
โดยย้อนเล่าตั้งแต่ช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475 บรรยากาศทางการเมืองของไทยได้เปิดกว้างมากขึ้น กลายเป็นพื้นที่ให้ชาวอีสานเข้ามามีส่วนร่วมและแสดงออกทางการเมืองในฐานะพลเมืองของรัฐไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักการเมืองอีสานที่เข้ามามีส่วนร่วมในเวทีการเมืองระดับชาติ รวมถึงกลุ่มชาวบ้านในชนบทภาคอีสานที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงเวทีการเมืองระดับประเทศ ก็แสดงออกถึงความคาดหวังต่อการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผ่านการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมือง โดยมีเหตุและผลที่น่าสนใจย้อนไปไกลกว่าการอภิวัฒน์สยาม
รายละเอียดเป็นอย่างไร ใครอิน ต้องอ่าน ใครไม่อิน ก็ยิ่งต้องอ่าน!
Soft Power อำนาจโน้มนำ
ที่ ทรัมป์ ช่วยขาย ท้าทายตั้งแต่ (แปล) ชื่อ!
อันดับที่ 7 Soft Power อำนาจโน้มนำ : หนทางสู่ความสำเร็จในการเมืองโลก ผลงาน Joseph S. Nye Jr. แปลโดย บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ ซึ่งเดินทางมาแจกลายเซ็นและพบปะผู้อ่าน ณ บูธมติชนไปหมาด โดยเผยถึงความท้าทายว่า คำถามแรกคือ จะแปลคำว่า Soft Power ว่าอย่างไร สุดท้าย ไปขอยืมคำว่า อำนาจโน้มนำ จาก ศาสตราจารย์ ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นพี่ และเพื่อนร่วมงาน
อาจารย์พวงทองบอกว่า ทำไมคนชอบแปลคำว่า Soft Power ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าจะแปลเป็นไทย อาจารย์เสนอว่าให้ใช้ อำนาจโน้มนำ ผมจึงยืมคำนี้มาใช้ ยังไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์เลย (หัวเราะ) จริงๆ แล้ว อาจารย์เสนอตั้งแต่ปี 2561 แล้ว
ผมคิดอยู่นานว่าจะแปลคำนี้ว่าอะไรดี มันยาก ถ้าแปลตามรูปศัพท์ จะได้คำว่า อำนาจละมุน หรืออำนาจอ่อน ผมเองก็ใช้คำว่า อำนาจอย่างอ่อน แต่พออาจารย์พวงทองบอกว่า ความหมายโดยนัย คำที่น่าจะเหมาะสมที่สุด คือ อำนาจโน้มนำ ผมก็ซื้อ มันตรงใจพอดี เลยส่งข้อความไปขอ ว่า พี่..ผมขอใช้นะ เลยเป็นที่มาที่ให้อาจารย์ช่วยเขียนคำนิยมด้วย บัณฑิตเล่าอย่างออกรส
จากนั้นยังเผยด้วยว่า เมื่อสิ่งที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว ตนก็เริ่มตะลุย ว่างเมื่อไหร่ ก็นั่งโต๊ะทำทันที ไม่อย่างนั้นไม่เสร็จ แต่มันสนุก เพราะการแปลหนังสือที่มีอายุ 21 ปี ถือเป็นความท้าทาย เช่น คำบางคำ คนรุ่นใหม่จะเข้าใจหรือไม่ อาทิ คำว่า โมเดม ซึ่งเจนฯเบต้ายังไม่เกิด ดังนั้น จึงต้องเติมเชิงอรรถ โดยพยายามไม่ให้ไปรบกวนเนื้อหาของหนังสือ
แต่ละบทที่แปล จะเป็นลำดับความคิดของอาจารย์ โจเซฟ เอส. นาย จูเนียร์ ซึ่งสอนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ช่วยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในการวางแผน ในการคอมเมนต์ถึงนโยบายที่ควรจะเป็นของสหรัฐอเมริกา โดยบอกว่าอำนาจที่สำคัญกว่าอำนาจการทหาร และการให้เงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ คือ Soft Power
อาจารย์ โจเซฟ ขยายความว่า Soft Power คืออะไร อยู่ที่ไหน จะใช้อย่างไร และไปดูประเทศอื่นว่าเขามี Soft Power ไหม เมื่อใช้แล้วได้ประโยชน์อย่างไร โดยสรุปและทิ้งท้ายว่า Soft Power ต้องสร้างขึ้นเรื่อยๆ ทิ้งไม่ได้ ที่น่าสนใจคือ โดนัลด์
ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กำลังช่วยผมขายหนังสือ (หัวเราะ) เพราะสิ่งที่ทรัมป์ทำ ตรงข้ามกับสิ่งที่ อาจารย์โจเซฟ พูดทั้งหมดเลย
ตอนนี้อเมริกาตัดทุนความช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เศรษฐกิจ และในเรื่องของกระบวนการทางการเมืองระหว่างประเทศก็แข็งกร้าวมาก ก้าวร้าวมาก กลายเป็นว่า อเมริกากำลังทำลายสิ่งที่เป็นฐานทรัพยากรของอำนาจโน้มนำ บัณฑิตทิ้งท้าย
ใครยังไม่มี 7 เล่มนี้ ลองแวะมาใช้โปรโมชั่นส่วนลดให้หนำใจ โดยหนังสือใหม่ลด 15% หนังสือขายดีลด 20% หรือใครที่ยังจัดเซ็ตหนังสือไม่ถูก สำนักพิมพ์มติชนก็มีโปรโมชั่น Grab & Go หนังสือชุดราคาพิเศษ ที่สามารถซื้อได้ที่หน้าบูธสำนักพิมพ์มติชน J02 สั่งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สำนักพิมพ์มติชน www.matichonbook.com หรือสั่งผ่านบริการรับหิ้วผ่าน ID Line : 0947027777
ทีมข่าวเฉพาะกิจ