
ผู้เขียน | ภูษิต ภูมีคำ |
---|
เลี้ยงเด็ก 1 คน ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน
TK Park Awards ‘สร้างคนด้วยการอ่าน’
ส่งสัญญาณคนตัวเล็ก เปลี่ยนแปลงสังคม
“เราต้องการให้สังคมเห็น ความพยายามของคนตัวเล็กๆ ว่ามีพลังเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้จริง
และอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน กล้าลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่าง”
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD กล่าวสปีชอันทรงพลัง ณ แหล่งความรู้ใจกลางกรุง สถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) เมื่อไม่นานมานี้
ในโอกาสครบรอบ 20 ปี กลางพิธีมอบรางวัล TK Park Awards ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร และห้องสมุด ผู้มีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมการอ่าน ทรานส์ฟอร์มภาพจำการเรียนรู้รูปแบบเก่าได้อย่างสร้างสรรค์ นำมาสู่ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
“ทุกการสร้างสรรค์พื้นที่ กิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ล้วนมีคุณค่าและมีพลังเปลี่ยนแปลงสังคมได้” คือสารจาก TK Park ที่ส่งถึงที่เครือข่ายทำงาน ที่ช่วยหนุนเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ทุกหนแห่งทั่วประเทศ

โดยรางวัล TK Park Awards แบ่งเป็น 5 กลุ่ม รวม 20 รางวัล ได้รับความร่วมมือจาก กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมเสนอรายชื่อและคัดเลือก
สำหรับรางวัลไฮไลต์ในครั้งนี้คือ รางวัลเกียรติยศ “Lifetime Achievement Award” มอบแด่บุคคลผู้อุทิศตนและทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ 5 รางวัล ได้แก่
ศาสตราจารย์พิเศษ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต, ดร.พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา, คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา, ดร.สิริกร มณีรินทร์ และ ดร.ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่สร้างผลงานอันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาสาธารณชน
จากนั้นมอบรางวัล“ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง” ให้แก่ผู้นำท้องถิ่น นักพัฒนา นักขับเคลื่อนเพื่อสังคม องค์กรและห้องสมุด ที่มีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ซึ่งทั้ง 15 รางวัลจะได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ พร้อมงบประมาณสนับสนุน รางวัลละ 40,000 บาท มูลค่ารวม 600,000 บาท
เงินจากการสนับสนุนในครั้งนี้จะถูกใช้ไปในการจัดซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดตามความประสงค์ต่อไป อันเป็นการต่อยอดพื้นที่การอ่านและเรียนรู้ให้ขยายกว้างอย่างสร้างสรรค์ ตามความพึงใจของคนในชุมชน

ไม่เพียงแค่ประกาศเกียรติคุณ
แต่หนุนสร้าง ‘ความเปลี่ยนแปลง’
ในสายตาของผู้อำนวยการ OKMD มอง ‘TK Park Awards’ มีค่ามากกว่าการมอบรางวัล
แต่เป็นการส่งสัญญาณว่า ‘การเปลี่ยนแปลงสังคม’ เริ่มต้นได้จากทุกคน ทุกองค์กร ทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่
โดยตั้งต้นเล่าว่า การมอบรางวัลในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในโอกาสพิเศษครบรอบองค์กร เพื่อยกย่องผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการเรียนรู้ที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนที่แวดล้อม ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องที่จะนำไปสู่กิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้อื่นๆ ให้เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้

“รางวัลไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ แต่ยังต้องการส่งสัญญาณว่า แม้สิ่งที่กลุ่มบุคคล องค์กรทำอยู่ อาจอยู่ในมุมเล็กๆ ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ หรืออาจไม่มีใครมองเห็น แต่ TK Park มองเห็น และเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นมีคุณค่า มีความหมาย
เราต้องการให้สังคมเห็นว่า ความพยายามของคนตัวเล็กๆ มีพลังเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้จริง และอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน กล้าลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่าง
เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชนและสังคมรอบตัว” ดร.ทวารัฐร่วมปลุกพลัง
20 ปี พัฒนา ‘ห้องสมุดมีชีวิต’
เครือข่าย คือหัวใจ

ด้าน วัฒนชัย วินิจจะกูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันอุทยานการเรียนรู้ เสริมมุมว่า การทำงานของ TK Park ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คือการให้ความสำคัญกับเครือข่ายมากที่สุด
ก่อนจะอธิบาย ‘หัวใจ’ สำคัญของสิ่งที่เรียกว่า ห้องสมุดมีชีวิต มีหลักอยู่ด้วยกัน 2 เรื่อง เราต้องเริ่มจาก 1.ทำให้ผู้ใช้งาน หรือผู้อ่านเป็นศูนย์กลาง และ 2.แสวงหาการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง
“เราให้ความสำคัญกับเครือข่าย หรือคนตัวเล็กตัวน้อย ที่ทำหน้าที่สร้างพื้นที่สร้างสรรค์อยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งก็เป็นภารกิจที่ดำเนินการคู่ขนานกับการพัฒนาต้นแบบห้องสมุดมีชีวิตที่เซ็นทรัลเวิลด์มาตลอด 20 ปี จนตอนนี้ต้องเรียกว่าความร่วมมือจากเครือข่ายมีมากขึ้นอย่างน่าดีใจ”
สำหรับผู้ช่วยผู้อำนวยการฯแล้ว การมอบรางวัล TK Park Awards ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า ยังมีคนที่ทำงานตรงนี้อย่างมุ่งมั่น เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมในการอ่านให้เกิดขึ้น กระจายตัวอยู่ทั่วทุกแห่งในประเทศไทย
“ผมคิดว่าคงยังมีอีกหลายแห่งที่เขาทำงานกันเอง โดยที่มีเครือข่าย หรือภาคีคอยสนับสนุนกัน ซึ่งเราคิดว่าสิ่งนั้นมันยังไม่เพียงพอ และเราในฐานะที่เป็นหน่วยงาน หรือองค์กรสำคัญในการช่วยสนับสนุนส่งเสริมก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือคนเล็กคนน้อย ที่ทำงานกระจัดกระจายเหล่านี้
โดยการสนับสนุนในรูปแบบของการสานภาคีเครือข่ายเข้าด้วยกัน ซึ่งจะเป็นการเชื่อมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐกับหน่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ที่มีภารกิจตรงกันอยู่ให้มาร่วมทำงานไปด้วยกัน”
เพราะเรื่องของการอ่านและการเรียนรู้ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ถ้าทำคนเดียว” วัฒนชัยฉายภาพที่ตอกย้ำวิสัยทัศน์อันชัดเจน
เคล็ดลับ ‘สร้างคนด้วยการอ่าน’
แพชชั่นที่อยากตื่นมาทำตลอดชีวิต
หันมาฟังความรู้สึกของหนึ่งในผู้ได้รับ ‘รางวัลเกียรติยศ’

ดร.ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล นักวิชาการ นักเขียน และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมการอ่านแห่งประเทศไทย มองรางวัลนี้มีความสำคัญกับวงการหนังสือ และการส่งเสริมการอ่าน
ก่อนจะเล่าผ่านชีวิตการทำงาน
“ครูเป็นเพียงผู้ขับเคลื่อนคนหนึ่ง จะเห็นว่าเขาให้รางวัลกันเยอะแยะเลย เพียงแต่ว่าเราทำมาก่อนคนเหล่านั้น ทำมานาน ซึ่งคนที่อยู่หัวแถวคือ ศ.พิเศษ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต ถือว่าเป็นบุคลตัวอย่างที่เราเคารพนับถืออย่างยิ่ง
เพราะท่านทำงานครบวงจร เป็นทั้งนักเขียน นักแปล นักสร้าง บรรณารักษ์ ทำห้องสมุดต่างๆ ดังนั้น การที่ TK Park มอบรางวัลนี้ให้ แสดงว่าเขาเห็นเราทำงานในสังคมไทยมานานมาก”
ดร.ถนอมวงศ์เล่าด้วยว่า ตั้งใจทำเรื่องนี้มา 50 ปีแล้ว นับตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นอาจารย์ สอนวิชาการอ่านที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากที่เราจะต้องถ่ายทอดทั้งวิทยายุทธ จิตวิญญาณ ความมุ่งมั่น อุดมการณ์ทั้งหลาย ทั้งในวิชาเรียนและสังคมภายนอก
“เรียกได้ว่าเป็นการทำอย่างมั่นคง เพราะชีวิตเราตื่นมา เราคิดว่าเราจะทำอะไรให้สังคมไทยได้บ้าง คือ ใครเขาจะทำอะไรเยอะแยะ แต่ว่าเราทำเรื่องนี้และจะทำตลอดชีวิต ใครเห็น-ไม่เห็น ไม่รู้ แต่ฉันจะทำ” ดร.ถนอมวงศ์ยันหนักแน่น
ดร.ถนอมวงศ์ถ่ายทอดเคล็ดลับด้วยว่า เราต้องเริ่มจากการทำให้เขาเห็นความสำคัญ และรักในการอ่านเสียก่อน ซึ่งครูเขียนลงในหนังสือ ‘การอ่านให้เก่ง’ เล่มนี้พิมพ์ครั้งที่ 18 แล้ว กำลังจะหาทุนพิมพ์ครั้งที่ 19
“บอกได้เลยว่าขายน้อยกว่าแจก เพราะในเมื่อเราทำหนังสือที่ดี ด้วยอุดมการณ์และฝีมือของเรา แต่มันไปไม่ถึงทั่วประเทศ เราก็แจกเสียเองก็แล้วกัน”
พร้อมแสดงวิสัยทัศน์อีกว่า ‘การสร้างคน’ สำคัญกว่าการสร้างตึก หรือสร้างวัด เพราะวัดมีเยอะแล้ว
เอามาสร้าง ‘คน’ ดีกว่า เนื่องจากประเทศชาติมันคงจะแย่ลงทุกวัน หากคนอ่านหนังสือกันน้อยลง
‘หนังสือ’ คือโล่ป้องกันภัย
ยกเคสชุดนิทานต้าน ‘บุหรี่ไฟฟ้า’

ถามความรู้สึกของ สุดใจ พรหมเกิด ประธานมูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ผู้ที่ได้รับรางวัลด้าน ‘การส่งเสริมการเข้าถึงหนังสือ’ บอกเลยว่า ตื่นเต้นที่ได้รับรางวัลนี้จากองค์กรภาครัฐ ซึ่งทำประเด็นเดียวกัน คือ ‘สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้’ โดยเฉพาะการทำงานในมิติใหม่ๆ
ก่อนเริ่มเล่าถึงการทำงาน ตอนนี้สังคมมักเกิดข้อคำถามว่า ‘เด็กรุ่นใหม่ไม่อ่านหนังสือกันแล้ว?’ แต่เราจะตอบว่า การอ่าน (หนังสือ) มันยังเป็นสื่อ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพความเป็นมนุษย์
เพราะฉะนั้นถ้าเราจะทำขึ้นมาจริงๆ มันต้องไปวางรากฐานใหม่ตั้งแต่เด็กปฐมวัย
“พอยุคสมัยมันเปลี่ยน ‘การอ่าน’ จะต้องตอบชีวิตในแต่ละช่วงวัยนั้นๆ ด้วย โดยเฉพาะในช่วงปฐมวัย หากมีอะไรมาคุกคาม หรือทำร้ายเด็ก เราก็จะใช้การอ่านเป็น ‘โล่’ มาป้องกันพวกเขา
อย่างเช่นตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าคืบคลานเข้ามาคุกคามเด็กเล็ก เราก็ต้องเชื้อเชิญเด็กของเราอ่านนิทานชุดบุหรี่ไฟฟ้า”
สุดใจบอกด้วยว่า เรามีภาคีเครือข่ายที่เราติดตั้งในทุกท้องถิ่น ทุกภูมิภาค ตอนที่เราประกาศออกไปว่า เรามี ‘หนังสือนิทานชุด เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า’ มีใครอยากจะรวมพลังให้เด็กเรียนรู้เรื่องนี้บ้าง? ปรากฏว่าก็มีคุณครู หรือคนที่สนใจ สมัครรับหนังสือเข้ามากว่า 200 ชุมชน ติดต่อเข้ามาทันที เพราะอยากทำงานร่วมกัน
“เราคิดว่ารางวัลที่ได้มานี้ทำให้เราเจอเครือข่ายการทำงานที่กว้างมากขึ้น ก็ได้เห็นว่าองค์กรอื่นก็เป็นของแท้ ของจริง มาร่วมกันเรียนรู้ มาร่วมกันขับเคลื่อน และสื่อสารกับสังคมให้เข้าใจในประเด็นนี้กันมากขึ้น” สุดใจยิ้มรับพร้อมลุยต่อ
ป้ามลเล่าวินาที ‘สตั๊น’
โมเมนต์ที่พาเด็กก้าวพลาด เดินงานหนังสือฯ
“ป้ามลตั้งใจที่จะบอกว่า ตัวเองเติบโต และก็เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วยการเจียระไนของเด็กๆ”

เป็นสปีชปิดท้ายอันทรงพลังของ ทิชา ณ นคร หรือป้ามล ผู้อำนวยการบ้านกาญจนาภิเษก แชร์ความรู้สึกตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่ได้อยู่บ้านกาญจนา รู้สึกสะเทือนใจทุกครั้งในวันที่เด็กๆ ได้ไปซื้อหนังสือที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
“เพราะเมื่อเด็กๆ ไปซื้อหนังสือแล้วกลับมา แล้วเขียนบันทึกและรีเฟลกชั่น (Reflection) ออกมา มันทำให้เรารู้สึก ‘สตั๊น’ ไปหลายวินาที เขาบอกว่าเป็นครั้งแรกของผมเลยครับป้า ที่รู้ว่ามีที่แบบนี้ เป็นครั้งแรกของผมเลยนะครับป้าที่ได้มาเดินในที่แบบนี้ ได้เห็นหนังสือมากมายแบบนี้
แล้วบางคนไปไกลถึงขั้นว่า ถ้ามีโอกาสได้เติบโต ได้มีครอบครัว ผมจะพาลูกของผมมาที่นี่ (งานมหกรรมหนังสือ)” ป้ามลพูดเสียงสั่นเครือในบางช่วง
ก่อนจะชวนคิดต่อว่า ทั้งหมดนี้มันทำให้เรารู้ว่า ในประเทศนี้มีเด็กอีก 10 กว่าล้านคนที่เข้าไม่ถึงสิ่งเหล่านี้ แน่นอนว่ามันต้องมีสะพานพาเขาไป เพราะเขาไม่สามารถไปด้วยพลังของเขาเองได้
“เด็กในบ้านกาญจนาฯ ซึ่งก่ออาชญากรรมที่รุนแรง เป็นคดีที่ขึ้นหน้าหนึ่ง เมื่อเขาได้อ่านหนังสือ ได้คิดวิเคราะห์ ได้ดูหนังอย่างสม่ำเสมอ เราพบสิ่งที่มหัศจรรย์ สิ่งนั้นก็คือ คลังคำ คลังภาษา คลังความคิดที่มากพอ ซึ่งจะทำให้เขาร่วมมือกับเรา เพื่อแก้ปัญหาของเขาเองได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น ในเด็กกลุ่มนี้ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะช่วยเขาอย่างไร?” ป้ามลตั้งคำถามชวนคิด ก่อนจะทิ้งท้ายได้อย่างทัชใจว่า
หลายคนพูดเสมอว่า เลี้ยงเด็ก 1 คน ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน
และสิ่งที่เราทำในวันนี้คือประจักษ์พยานว่า เราจะทอดทิ้งเด็กๆ ‘ไม่ได้’
ภูษิต ภูมีคำ