คนปกป้องป่า…ป่าปกป้องคน

“ธรรมชาติแวดล้อมของเรา ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน ป่าไม้ แม่น้ำ ทะเลและอากาศ ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เท่านั้น หากแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเราและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเราไว้ให้ดีนี้ ก็เท่ากับเป็นการปกปักรักษาอนาคตไว้ให้ลูกหลานของเราด้วย”

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานในการเสด็จออกมหาสมาคมฯ ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2521

ประโยคที่ทำให้การเดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติที่อุทยานเขาใหญ่ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงการมาเดินเล่นๆ ชมธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังจุดประกายให้มองเห็นคุณค่า ความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของผืนป่าตะวันออกอันกว้างใหญ่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทับลาน ปางสีดา ตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ กินเนื้อที่ประมาณ 3.8 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดสระบุรี, นครนายก, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, สระแก้วและบุรีรัมย์ ได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ” จากองค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2548 ภายใต้ชื่อกลุ่ม “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่”

ผืนป่ากลุ่ม “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ” เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสภาพป่าแบบต่างๆ ตั้งแต่ ป่าดงดิบ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และทุ่งหญ้า นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ และเป็นต้นน้ำลำธารสำคัญๆ ทั้งแม่น้ำนครนายก, แม่น้ำปราจีนบุรี, ลำตะคอง, ห้วยมวกเหล็ก, และแม่น้ำมูลซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขง รวมถึงเป็นแหล่งพบสัตว์ป่าหายาก เช่น เสือโคร่ง ซึ่งปัจจุบันเสือโคร่งในธรรมชาติทั่วโลกมีอยู่ไม่ถึง 4,000 ตัว

Advertisement

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางสำนักอุทยานแห่งชาติเพิ่งมีการแถลงข่าวว่า ตรวจพบเสือโคร่งในธรรมชาติบริเวณป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ จากกล้องดักถ่ายภาพสัตว์เป็นจำนวนถึง 18 ตัว ถือเป็นข่าวดีในรอบ 15 ปีทีเดียว ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะการลาดตระเวนที่มีคุณภาพนั่นเอง และสำหรับที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็ยังมีสัตว์ป่ามากมายทั้ง ช้างป่า ชะนี กวาง หมาใน จระเข้ ลิง นกเงือก เป็นต้น

ต้องขอบคุณ “ผู้พิทักษ์ป่า” ซึ่งภารกิจส่วนหนึ่งคือ การเดินป่าลาดตระเวนป่าเพื่อปกป้องผืนป่าและสัตว์ป่า โดยเดินลาดตระเวนครั้งละ 3-7 วัน แบกเป้ที่มีน้ำหนักหลายสิบกิโล ทั้งน้ำดื่ม ข้าวสารอาหารแห้งสำหรับยังชีพ เปลสนาม เสื้อผ้า1-2 ชุด ตลอดจนยารักษาโรค เดินกันไม่น้อยกว่าวันละ 10 กิโลเมตร

Advertisement

ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทุกครั้งที่ก้าวขาเข้าไปในป่ามันคือความเสี่ยง บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด จึงขออาสาเป็นส่วนเล็กๆ ในการดูแลสุขภาพของคนที่ดูแลผืนป่าบ้าง ผ่านโครงการดีๆที่ไบโอฟาร์มสานต่อมาอย่างต่อเนื่องทุกปี นั่นคือ โครงการ “ตู้ยา BIOPHARM เพื่อชุมชน” ด้วยการเข้าไปเยี่ยมเยียนและมอบตู้ยาพร้อมเวชภัณฑ์เบื้องต้นที่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ใช้ยาดีมีคุณภาพทัดเทียมยาต้นแบบจากต่างประเทศ จำนวน 100 ตู้ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว

ปีนี้มอบให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ดูแลพื้นที่ป่าตะวันออก รวม 5 ผืนป่าด้วยกัน นั่นคือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จำนวน 29 ตู้ และมอบให้กับอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากลุ่ม “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่”อีก 4 ผืนป่ารวมทั้งสิ้น 76 ตู้ พร้อมทั้งชุมชนอื่นๆรอบอุทยานจนครบ 100 ตู้ และลงพื้นที่เพื่อเติมเวชภัณฑ์ให้กับตู้ยาเดิมในสองปีที่ผ่านมาด้วย นั่นคือในปีแรกที่ชุมชนปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และในปีที่สองที่อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของผืนป่าตะวันตก เช่น เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสลักพระ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติพุเตย จ.สุพรรณบุรี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นอกจากจะมียาและชุดปฐมพยาบาลเพิ่มขึ้นเพื่อไว้ประจำห้องพยาบาลที่ทำการอุทยานฯ ในการดูแลนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น ลื่นล้มจากการขึ้นลงน้ำตก ฯลฯ

ครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า “ปัจจุบันการทำงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เป็นการทำงานแบบ National Park 4.0 เพื่อให้สอดคล้องกับยุค Thailand 4.0 โดยมีการพัฒนาคุณภาพและจำนวนของกล้อง CCTV แบบเดียวกับที่ดักสุ่มดูผู้ก่อการร้าย ซึ่งจะช่วยเฝ้าระวังภัยคุกคามทั้งการตัดไม้ทำลายป่า การล่าสัตว์ป่าได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการลาดตระเวนแบบมีคุณภาพที่เรียกว่า Smart Patrol โดยใช้ GPS นำทาง เราจะรู้เลยว่าเจ้าหน้าที่ลาดตะเวนไปยังจุดไหนบ้าง มีแบบฟอร์มให้จดบันทึกว่าพบเจออะไรบ้าง รอยเท้าสัตว์ขนาดเท่าไหร่เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์อายุและประเภทของสัตว์ป่า นอกจากจะช่วยตรวจตราการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้แล้ว ยังถือเป็นการดูแลความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอีกด้วย หากภัยคุกคามอยู่ตรงจุดใด ไม่ว่าจะเป็นคนร้ายหรือการรวมกลุ่มของสัตว์ป่า ก็สามารถแจ้งเตือนและขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที ซึ่งน่าจะช่วยให้การดูแลผืนป่าของพวกเราทุกคนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

“การดูแลผืนป่าเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันหยุด จะเพิกเฉยหรือละทิ้งไม่ได้แม้สักวันเดียว การที่มีคนมองเห็นถึงความสำคัญของหน้าที่ตรงนี้ ถือเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่ เกิดความภาคภูมิใจและมีกำลังใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น แต่แท้จริงแล้วคนที่ดูแลผืนป่าได้ดีที่สุดไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่คือพวกเราทุกคน เพราะป่าคือแหล่งกำเนิดชีวิต คือลมหายใจของทุกคน และเป็นแหล่งผลิตความสุขให้พวกเรา

“ป่าคือของพวกเราทุกคน เราจึงควรรักป่า หวงแหนป่าและที่สำคัญควรช่วยกันอนุรักษ์ป่าและธรรมชาติ ถ้าคนรักษ์ป่า ป่าก็จะรักทุกคน เพราะถ้าคนปกป้องป่า ป่าก็จะปกป้องทุกคนเช่นกัน” นี่ประโยคทิ้งท้ายจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่สำหรับพวกเราทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image