| ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | บางกอกเกี้ยน |
| เผยแพร่ |
ระบบการศึกษาปกติ ตั้งแต่เด็กเล็ก หรือปฐมวัยศึกษาถึงปริญญาเอก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มนุษย์พัฒนาการเป็นขั้นเป็นตอน ตามอายุและพัฒนาการของสมอง มีหลักวิชาการชัดเจน ทั้งเพื่อให้มนุษย์มีพัฒนาการและวิวัฒนาการไม่แตกต่างกันมาก ยกเว้นผู้ที่มีความผิดปกติทางร่างกาย สมอง และจิตใจ หรืออารมณ์
ว่ากันสั้นๆ ง่ายๆ พัฒนาการเด็กเล็กให้ใช้สามส่วนผนวกกัน คือ สมอง สองมือ และสายตา ประสานสัมพันธ์จากการเรียนรู้ กระทั่งเข้าเรียนในระดับอนุบาล ยังไม่มีการสอนการอ่าน การเรียนเลข
พัฒนาการระดับอนุบาล กว่าจะให้เด็กอ่านหนังสือออก คิดเลขได้ ต่อเมื่อขึ้นเรียนครึ่งปีแรกของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จากนั้นเมื่ออ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น จึงพัฒนาการเรียนการสอนขึ้นไปกระทั่งสำเร็จชั้นประถมศึกษาตอนปลาย วิชาความรู้จึงเข้มข้นขึ้นจากการเรียนภาษาเดียว มาเป็นสองสามภาษา การเรียนเลขคณิตพัฒนาการเป็นคณิตศาสตร์ชั้นสูงขึ้นไป
ส่วนการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เริ่มตั้งแต่เรียนวิชาธรรมชาติวิทยา คือให้รู้จักธรรมชาติรอบตัว เรียนสิ่งมีชีวิตว่าเจริญเติบโตอย่างไร เรียนเรื่องศิลปกรรม พลศึกษา ดนตรี และส่วนที่เป็นจินตนาการ
การเรียนในชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น คือเรียนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ทั้งด้วยตัวเองและจากครูอาจารย์ การเรียนจากการเล่น จากธรรมชาติ ทำให้ไม่เพียงแต่เรียนรู้เท่านั้น ยังเป็นการฝึกให้เรียนรู้ถึงการค้นคว้าหาความรู้จากสภาพแวดล้อมรอบตัว
เมื่อขึ้นไปเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นการเรียนรู้เบื้องต้นถึงการเข้าห้องสมุดเพื่อค้นคว้าวิชาความรู้ที่นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน รู้จักการอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้นไปจากหนังสือเรียน เช่นเมื่อเรียนรู้เรื่องวรรณคดี การท่องจำ ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้น ครูจึงต้องแนะนำให้เข้าห้องสมุดหาหนังสือที่มีมากกว่าการเรียน เช่นการเรียนเรื่องสามก๊กตอนโจโฉแตกทัพเรือ ต้องยั่วยุให้น้องหนูอยากรู้ต่อไปว่า แล้วยังไง หรือบทกวีเรื่องพระอภัยมณี ท่องได้ว่า “เสียงระฆังหงั่งเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปบนบรรพต” ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แล้วต่อไปเป็นยังไง
ครั้นขึ้นไปเรียนในระดับปริญญาตรี วัตถุประสงค์ของการศึกษาต้องการให้เรียนรู้เพิ่มเติมจากการค้นคว้าวิชาความรู้ในห้องสมุดมากขึ้น การเรียนในห้องเรียนน้อยลง อ่านหนังสือเพื่อให้รู้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากที่เราไม่รู้ และควรรู้ กระทั่งรู้จักวิธีทำรายงานจากการค้นคว้าเนื้อหาวิชาการเหล่านั้น
อ่านแล้วรู้แล้วถึงแหล่งอ้างอิง อย่างน้อยเมื่อสำเร็จปริญญาตรีออกไปปฏิบัติหน้าที่การงานได้ ทำงานตามคำสั่งได้ เรียนรู้วิธีการทำงานจากผู้ที่ปฏิบัติงานก่อน เรียนรู้การทำงานเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนสามารถทำงานในหน้าที่ได้รับมอบหมายด้วยตนเองได้
ครั้นต้องการที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้นเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมและเพื่อเพิ่มสถานภาพของตัวเองนำไปสู่การเรียนรู้เรื่องงานวิจัย การเรียนในระดับปริญญาโทจึงเป็นการเรียนเพื่อรู้ถึงรูปแบบการทำวิจัย การค้นคว้าที่ลึกซึ้งกว่าปริญญาตรี รู้จักแหล่งวิชาความรู้มากขึ้น
เมื่อจบการเรียนรู้ระเบียบวิธีวิจัย น้องหนูต้องการเป็นผู้วิจัยต้องขึ้นไปเรียนรู้ในระดับปริญญาเอก ที่เป็นการศึกษาด้วยตัวเองจากการค้นคว้าเอกสารตำราเรียนและประสบการณ์
อนึ่งเวลา 14.00 น. วันนี้ 24 กรกฎาคม ที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า เนื่องในโอกาสครบ 30 ปี มีพิธีเปิดธนาคารกีฬาแห่งชาติ สานฝันปันโอกาสเยาวชนทั่วไทย โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อมอบอุปกรณ์กีฬาให้เยาวชนทั่วประเทศ 89 โรงเรียน
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะพระมหากษัตริย์นักกีฬาและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะกษัตริย์เจ้าฟ้าดาราลูกหนัง
ผู้ดำเนินโครงการคือ รองศาสตราจารย์ ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร
