คุยกับ’มึนอ’พิณนภา ผู้สานต่อเรียกร้องสิทธิให้ชาวปกากะญอหลัง’บิลลี่’ พอละจี หายตัวไป 2 ปีเต็ม

ไม่บ่อยครั้งนัก ที่ผู้หญิงธรรมดาสักคนหนึ่งจะได้รับการยกย่องเชิดชูเป็น “วีรสตรี” นักต่อสู้

แต่วันนี้ “มึนอ” หรือ พิณนภา พฤกษาพรรณ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ชาวปกากะญอ ได้เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ได้รับการกล่าวขานในฐานะ “ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน” เนื่องในวัน วันสตรีสากล ประจำปี 2559

บางคนอาจจะสงสัยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร ทำไมเธอถึงได้รับการยกย่องครั้งนี้

บางคนอาจจะรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อของเธอแต่นึกไม่ออก

Advertisement

แต่ถ้าพูดถึง “บิลลี่” หรือ พอละจี รักจงเจริญ นักเคลื่อนไหวเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และอดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลห้วยแม่เพรียง อําเภอเเก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ผู้ออกมาปกป้องผืนป่า เรียกร้องให้เกิดการมีส่วนร่วมในการจัดการที่ดินและทรัพยากรของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมของชาวปกากะญอ

ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี 2557

จนบัดนี้เวลาผ่านไปถึง 2 ปีแล้วก็ยังไม่มีข่าวคราวความคืบหน้าใด

Advertisement

ทำให้ มึนอ ผู้เป็นภรรยาในวัย 29 ปี ต้องรับภาระหน้าที่เลี้ยงดูลูกทั้ง 5 คน เพียงผู้เดียว ขณะเดียวกันก็ยังตามหาสามีและเรียกร้องให้มีการขับเคลื่อนกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับบุคคลให้สูญหาย ไม่เพียงเท่านี้เธอยังคงสานต่อเจตนารมณ์ของบิลลี่ในการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนให้กับชาวปกากะญอ

 

ชีวิตก่อนหน้านี้?

 

ตอนเป็นเด็กอาศัยอยู่ในป่าใกล้กับบางกลอยบน กับพ่อแม่ จุดที่อยู่มีอยู่ 4 หลังคาเรือน อยู่กันแบบพอเพียง

ตอนนั้นทำไร่หมุนเวียนแบบพอเพียงไม่ต้องใช้เงินกันสักบาทก็อยู่กันได้ หลังจากนั้นมีผู้ใหญ่บ้านขึ้นไปชักชวนให้ลงมาอยู่ในชุมชน ในตำบลป่าเด็ง บอกว่าจะทำบัตรประชาชนให้ แต่ลงมาแล้วก็ยังทำบัตรประชาชนไม่ได้ แล้วเราเข้าไปเรียนหนังสือด้วย วิ่งทำบัตรประชาชนด้วย

จบ ม.3 ยังไม่ได้บัตรประชาชน เลยต่อ ม.4 อีกปีหนึ่ง ขณะเรียนอยู่ในห้องเรียน มีกะเหรี่ยงคนเดียว ครูบอกว่า คนกะเหรี่ยงถ้าไม่มีบัตรประชาชนจะเรียนสูงเพียงไร จบปริญญาอย่างไร ก็จะเสียสิทธิ ไม่ได้ทำงานอย่างที่ต้องการ เลยรู้สึกน้อยใจ และท้อแท้ พอจบ ม.4 เลยลาออก มาวิ่งทำบัตรประชาชนโดยตรง ไม่ได้เรียนต่อแล้ว

 

รู้จักกับบิลลี่ได้อย่างไร?

 

ตอนวันคริสต์มาส 2545 ตอนนั้นก็ได้รู้จักกับพี่บิลลี่ ซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนท่ายางวิทยา เราไปเรื่องทำบัตร พี่เขาเข้ามาช่วยเราทำ จนเราทำบัตรได้ตอนปี 2548

พี่บิลลี่เล่าให้ฟังว่า ตอนเขาเป็นเด็ก เขาก็อยู่บางกลอยบน พ่อเขาส่งลงมาเรียนในตัวเมืองท่ายาง มาอาศัยอยู่กับพระ เขาไม่มีบัตรเหมือนกันก็วิ่งทำไป จนพระต้องรับรองให้เขา จนวันหนึ่งร้องไห้ต่อหน้าเสมียน เขาเลยทำบัตรประชาชนได้

คบหากับพี่บิลลี่อีก 1 ปี ก็อยู่กินด้วยกัน มีลูกด้วยกัน 5 คน อยู่ด้วยกันมา 10 ปี ก่อนหายไปปี 2553

คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้บิลลี่หายตัว?

ในปี 2554 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เข้าไปทำการเผาบ้าน ยุ้งข้าว ชาวบ้านหมู่บ้านโป่งลึกบางกลอยบนของปู่คออี้ ปู่ของพี่บิลลี่ เพื่อไล่ให้ลงมาอยู่ข้างล่าง ไม่ให้ชาวบ้านอยู่บนดอยแล้ว จากนั้นเอาตัวปู่ขึ้นเครื่องบินลงมาไว้หมู่บ้านบางกลอยล่าง

พี่บิลลี่เข้าไปพยายามหาทุกวิถีทางช่วยเหลือปู่เขา ตอนนั้นก็ได้สมัครเป็นสมาชิก อบต. ก็เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน เวลาพูดกับชาวบ้านก็มีน้ำหนักขึ้น คนฟังเขา คนภายนอกประสานงานเข้ามาโดยตรงที่พี่บิลลี่ เเล้วพี่บิลลี่ก็จะไปบอกต่อกับชาวบ้าน

เเล้วพี่เขาก็ช่วยพาปู่ไปฟ้องเรื่องเผาบ้านและยุ้งฉางที่ศาลปกครองกลาง ซึ่งเรื่องการให้ความช่วยเหลือปู่คออี้นี้ พี่บิลลี่เคยบอกบ่อยๆ ว่า วันใดวันหนึ่งหายตัวไป ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องติดตาม ให้รู้เลยว่าเขาฆ่าไปแล้ว เจอเพื่อนสนิทพี่บิลลี่ก็จะพูดแบบนี้ประจำ ว่าเจ้าหน้าที่ไม่พอใจที่เขาเข้าไปช่วยเหลือปู่ที่ถูกเผาบ้านเเล้วพาไปฟ้องร้อง

พี่บิลลี่เป็นสมาชิก อบต.ได้ 1 ปี ก็ถูกจับด้วยข้อหาเอาน้ำผึ้งออกจากป่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ที่ทางเข้าหมู่บ้าน เขาจับไป เอารถเครื่องขึ้นบนรถไป เอาลงมาข้างล่างเเล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยจนทุกวันนี้ ไม่มีใครพบอีกเลย

 

รู้ข่าวว่าหายไปตอนไหน?

 

วันที่ 18 เมษายน มีคนโทรมาหา ถามว่าพี่บิลลี่กลับบ้านหรือยัง เราก็บอกว่าไม่เห็น พี่บิลลี่ไปทำงาน ไปค้างที่ อบต. 2 คืน แต่เขาบอกว่าพี่บิลลี่มาแล้วตั้งแต่วัน 17 เมษายน เอาน้ำผึ้งมาด้วย นั่นเองที่ถูกจับ

พอเช้าวันที่ 19 เมษายน เลยพาพี่ชายแจ้งความที่ สภ.แก่งกระจาน พอไปถึงตำรวจไม่รับแจ้งความ บอกว่า คนถูกจับไม่ใช่คนหาย จะมาเเจ้งความได้ยังไง ก็เลยกลับมากินข้าวที่บ้านก่อน แล้วไปใหม่ตอนบ่ายๆ เจอตำรวจคนเดิมอีก เขาบอกว่าได้ประสานงานกับหัวหน้าอุทยานฯแล้ว และได้รับคำตอบว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯจับไป แล้วก็ปล่อย ไม่ได้ทำอะไรตั้งเเต่เย็นวันนั้น เราก็บอกว่าปล่อยได้อย่างไร ไม่เห็นกลับบ้านมาหาครอบครัวเลย ตำรวจบอกว่าเรื่องนี้เราต้องไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานฯเอง ต้องหาข้อมูลเอง ตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ตามหาตัว มีหน้าที่รับแจ้งความอย่างเดียว

 

สู้เรื่องนี้ต่ออย่างไร?

 

ทุกวิถีทาง เริ่มต้นไปที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าฯ จากนั้นไปยื่นเรื่องตามมาตรา 90 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เรื่องการสั่งให้ปล่อยตัวบุคคล กรณีที่มีการควบคุมตัวไม่ชอบ จากนั้นศาลชั้นต้นเห็นว่าหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอจึงมีคำพิพากษายกคำร้อง เราก็ยื่นศาลอุทธรณ์ ก็ยกคำร้องไปอีก และพอมาถึงศาลฎีกา ก็พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกคำร้อง สรุปว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เราก็สู้ต่อไป ขณะนี้คดีก็มาอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กำลังดำเนินการอยู่

เคยห้ามบิลลี่ให้หยุดเคลื่อนไหวเรียกร้องบ้างหรือเปล่า?

ตอนที่เขาบอกวันใดวันหนึ่งหายตัวไป ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องติดตาม ให้รู้เลยว่าเขาฆ่าไปแล้ว ก็บอกเขาไปว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่ต้องไปช่วยหมู่บ้านเเล้วดีไหม หยุดเเค่ตรงนี้ เเต่พี่บิลลี่ตอบกลับมาว่า ถ้าเขาทำความดีถึงเเม้จะเเลกด้วยชีวิตเขาก็จะทำ

ก็เลยไม่รู้ว่าจะห้ามเขายังไง เลยคอยอยู่ข้างหลังเป็นกำลังใจให้เขา บอกเขาว่าอะไรที่คิดว่าทำไหวก็ทำ อะไรที่คิดว่าไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ

 

สิ่งที่บิลลี่หวังไว้มากที่สุด?

 

เรื่องที่ชาวปกากะญอถูกโจมตีว่าเราทำไร่เลื่อนลอย เเต่จริงๆ มันเป็นไร่หมุนเวียน เป็นวิถีชีวิตตั้งเเต่บรรพบุรุษ เเต่เขาไม่เข้าใจเรา เขาเข้าใจว่าเป็นไร่เลื่อนลอย เขาก็เลยห้ามทำ ทำให้เราไม่มีอาชีพทำกิน

เขาหวังอยากทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมกลับมาอีกครั้ง ชาวปกากะญอสามารถทำไร่หมุนเวียน ไม่ต้องมาอยู่ข้างล่าง ให้ลูกหลานได้สืบทอดวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวปกากะญอ เพราะตอนนี้ลูกหลานรุ่นหลังๆ ที่เข้ามาเรียนในเมืองเขาลืมวิถีชีวิตดั้งเดิมไป

 

คนในชุมชนว่าอย่างไรบ้าง?

 

ส่วนน้อยที่จะสนับสนุน ส่วนมากเขาจะห้ามจะบอกว่าไม่ต้องไปยุ่ง ไม่ต้องไปติดตามคดีบิลลี่เเล้ว เดี๋ยวจะหายเเบบบิลลี่ ส่วนพ่อของหนูยิ่งไปกันใหญ่ เขาจะคิดมาก เขาบอกว่าบิลลี่หายไปเเล้ว เราไปหาก็ไม่เจอ ไม่ต้องไปตามให้มันเหนื่อย ให้มันเสียเวลา เเล้วพ่อเขาฟังวิทยุเขาคิดมาก ก็ไม่รู้จะทำยังไง

ส่วนเเม่เขาจะเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไร เขาก็จะมาอยู่กับเราที่บ้านบ้าง กลับไปบ้านตัวเองบ้าง ไปมาตลอด

เคยท้อหรือล้มเลิกความคิดจะตามหาบิลลี่บ้างหรือเปล่า?

ไม่เคยคิด คิดเเต่ว่าถ้าเรายังทำได้เราก็จะทำ จะพยายามหาความจริง ความยุติธรรมให้ได้ มีเเค่บางครั้งคิดว่าเราจะทำยังไงถึงจะมีหลักฐานเอาผิดคนที่ทำให้บิลลี่หายไปได้ หรือว่าเราเป็นคนจน เขาถึงไม่สนใจเรา ไม่อยู่ฝ่ายเรา ก็จะมีคิดบ้างเเต่ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือท้อที่จะเลิกตามหาพี่บิลลี่เลย

 

ความหวังสูงสุดตอนนี้?

 

ถ้าเป็นไปได้ต้องการให้รัฐบาลเข้าใจวิถีชีวิต เข้าใจเรื่องการทำไร่หมุนเวียนของชาวปกากะญอ เเละหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่บิลลี่ จะเกิดเป็นคนสุดท้าย จะไม่เกิดขึ้นกับคนอื่นคนใดอีกต่อไป

ความจริงเเล้วกฎหมายในประเทศไทยมันก็เเข็ง มันก็ดี เเต่ขึ้นอยู่กับการถือกฎหมาย ที่ผ่านมาบางครั้งก็ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง บางครั้งก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่บิลลี่ ตอนนั้นถ้าพี่บิลลี่ทำความผิดจริงเเล้วทำตามกฎหมายเหตุการณ์ก็น่าจะดีขึ้น เเต่เขาไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ส่งตัวไปที่สถานีตำรวจ เเต่พาตัวไปจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

การเรียกร้องของบิลลี่สร้างความเปลี่ยนเเปลงให้ชาวปกากะญออย่างไร?

มีความเปลี่ยนเเปลงมาก ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ออกมาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ภายนอกได้มากขึ้น เเละทำให้คนภายนอกได้รู้จักคนในหมู่บ้าน เข้าใจพวกเรามากขึ้น

จริงๆ อยากให้คนข้างนอกคนในเมืองเข้าใจชาวกะเหรี่ยง ชาวปกากะญอในทางที่ดี ที่เขาพูดกันว่าพวกเราอยู่ในป่าเขาเเล้วตัดไม้ทำลายป่านั้นมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนหรือบางคนบางส่วนคิด เราอยู่ในป่า เราอยู่มาตั้งเเต่เด็ก เราทำไร่หมุนเวียน ไม่ได้ทำให้ต้นไม้เสียหาย พอถึงเวลาเราก็ปล่อยให้ป่าฟื้นเหมือนเดิม ต้นไม้ต้นหญ้าก็โตเหมือนเดิมไม่ได้ทำให้ป่าเสียหายเลย จริงๆ มันก็มีหมู่บ้านตัวอย่างที่มีวิถีชีวิตการทำไร่หมุนเวียนให้ไปดูที่ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ทำไร่หมุนเวียน 7-10 ปี เเล้วอยู่กันอย่างพอเพียงก็อยู่

กันได้

ถ้าเป็นไปได้หลังจากนี้ก็จะพยายามแบ่งหน้าที่เพื่อเคลื่อนไหวให้กับชาติพันธุ์กะเหรี่ยงตามเจตนารมณ์ของพี่บิลลี่ต่อไป

 

วันนี้ถ้าได้เจอกับบิลลี่จะพูดอะไร?

ขอบคุณพระเจ้าที่พี่บิลลี่มีโอกาสได้กลับมาหาครอบครัวใหม่อีกครั้ง

 

3

“พ่อ”ของลูก ผู้นำของครอบครัว

เมื่อวันที่”บิลลี่”หายไป

“พี่บิลลี่เป็นคนรักครอบครัวมาก”

เป็นสิ่งที่ “มึนอ” พิณนภา พฤกษาพรรณ ระลึกถึงอยู่เสมอ เเม้วันนี้ผู้เป็นสามีอย่าง “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ เป็นแกนนำกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมชาติพันธุ์กะเหรี่ยง จะหายตัวไปกว่า 2 ปีเเล้วก็ตาม

มึนอเล่าว่า บิลลี่เขารักเมียรักลูก รักครอบครัวของเขา ขนาดตอนเขามาทำงานเป็น อบต. บางวันมีเวลาครึ่งวันเขาก็จะขับรถเครื่องกลับมาบ้าน กลับมาพูดคุยกับครอบครัว เสร็จเเล้วก็ลงมาทำงานต่อ ทุกคนในบ้านรักพี่บิลลี่

“ขนาดเเม่ของหนูยังบอกเลยว่า พี่บิลลี่หายไปบ้านเหมือนบ้านร้าง เหมือนไม่มีคนอยู่ เพราะตอนที่พี่บิลลี่อยู่บ้านเหมือนมีชีวิตชีวา ทุกคนมีความสนุก ร่าเริงกันทั้งบ้าน พี่บิลลี่ยังเป็นที่รักของคนในชุมชน ของเพื่อนๆ เพราะเป็นคนสนุกสนาน เวลาอยู่กับเพื่อนๆ จะมีเเต่ความสนุกสนานเฮฮา ทุกคนจะบอกว่าเวลาพี่บิลลี่อยู่จะมีเเต่ความสุขความสนุก ถ้าขาดเขาไปคงเงียบเหงา ไม่มีชีวิตชีวา”

การใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นไปอย่างเรียบง่าย จนกระทั่งชุมชนที่อยู่มีความเปลี่ยนเเปลง

“ตอนนั้นหมู่บ้านก็ถูกรุกรานหนักพอสมควร ทั้งเผาบ้าน เผายุ้งข้าว ที่บางกลอยบนหลายหลังคาเรือน ทำให้ชาวบ้านไม่มีข้าวกิน ถ้าลงมาจากดอยก็ต้องดิ้นรนทำงานกันมาก ต้องไปอาศัยกินอยู่กับญาติ บางคนที่ลงมาหาทำงานข้างล่างทำงานในเมืองก็ยังไม่มีบัตรประชาชน ทำให้โดนจับตัวไปบ้าง ตอนนั้นก็เดือดร้อนมาก เเล้วการที่เขาจะเอาพื้นที่ เลยย้ายคนบางกลอยบนลงมาจัดสรรที่บางกลอยล่าง ปู่คออี้จะพูดเสมอว่าที่เขาลงมาเหมือนเขาลงมาเเย่งพื้นที่ของคนข้างล่างอยู่ เจ้าของที่ก็ไม่พอใจไม่มีความสุข ตัวปู่คออี้เองก็ไม่มีความสุขที่มาอยู่ในพื้นที่ของคนอื่น เขาอยากกลับไปอยู่บนพื้นที่ของเขามากกว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด”

ทำให้บิลลี่ตัดสินใจเป็นแกนนำเรียกร้องสิทธิดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใจเเผ่นดิน-พุระกำ เขตอุทยานเเห่งชาติเเก่งกระจาน ไม่นานจากนั้น บิลลี่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“2 ปีที่ไม่มีพี่บิลลี่ ชีวิตของหนูเเละลูกลำบากมาก ตอนที่พี่บิลลี่อยู่รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตอยู่เเบบไม่เดือดร้อนอะไร พอพี่บิลลี่ไม่อยู่เเม้เเต่ที่ดินที่ซื้อไว้ตั้งใจจะปลูกบ้านก็ไม่สามารถปลูกบ้านได้ กลายเป็นที่สาธารณะของหมู่บ้านไป รู้สึกว่าอยู่เเบบไม่มีความสุขเหมือนเดิม ต้องให้เเม่มาอยู่เป็นเพื่อน

“เวลาเราออกมาข้างนอก ออกมาตามหาพี่บิลลี่ ออกมาเรียกร้อง ก็ต้องให้เเม่มาช่วยดูเเลเด็กๆ ให้ คนที่โตหน่อยเขาก็จะไม่ถามอะไร เเต่ลูกคนที่ยังเล็กจะถามตลอดว่าเมื่อไหร่พ่อจะกลับมา เเม่ไปตามหาพ่อ เเม่เจอพ่อไหม ถ้าเเม่ไปตามหาพ่อหนูจะไปด้วย”

“บางทีก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไง

“วันนี้ขอเเค่ได้พบความจริง ได้เจอกับพี่บิลลี่อีกครั้งไม่ว่าพี่บิลลี่จะมีชีวิตอยู่ หรือไม่มีชีวิตอยู่ก็ตาม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image