ที่มา | คอลัมน์ เริงโลกด้วยจิตรื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | จันทร์รอน |
ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่าชีวิตคนคนหนึ่งเอาเข้าจริงแล้วไม่ได้มีความต้องการอะไรมากนักหนา อากาศหายใจ อาหาร น้ำ หรืออะไรต่ออะไรที่เป็นปัจจัยพื้นฐานให้ชีวิตอยู่ได้ ธรรมชาติล้วนสนองมาให้แล้ว
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในชนบท ในป่าเขา หรือท้องทะเล ห่างไกลวัฒนธรรมเมืองยิ่งจะสัมผัสรับรู้ซึ่งความสอดคล้องของชีวิตกับธรรมชาตินี้
แต่เพราะวิวัฒนาการของมนุษย์ เพิ่มขยายความต้องการที่มากกว่าปัจจัยพื้นฐานมากขึ้นเรื่อยๆ
ทรัพย์สมบัติความร่ำรวย เกียรติยศ บรรดาศักดิ์ ความยิ่งใหญ่ ชื่อเสียงการยอมรับนับถือ
หรือกระทั่งความหวังในอมตะของชีวิต
ทั้งที่ลึกๆ แล้วไม่มีใครไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องประดับชีวิตที่ไม่ได้เป็นสัจธรรมเท่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่คล้ายกับว่าคนส่วนใหญ่หรือปุถุชนทั่วไปมักลืมเลือน มุ่งที่จะสะสมเครื่องประดับนั้นมากกว่าที่จะตั้งสติเพื่อให้เห็นและอยู่กับสัจจธรรม
ดังนั้น เมื่อมีผู้กล่าวว่า “พื้นฐานของชีวิตไม่ได้ยุ่งยากอะไร ความลำบากยากเย็นที่เกิดขึ้นเป็นเพราะแต่ละคนไปแสวงหามาใส่ชีวิตตัวเอง และพยายามรักษาไว้” จึงเป็นคำกล่าวที่ฟังปุ๊บก็เข้าใจปั๊บ เพียงแต่ว่าเข้าใจกับการปฏิบัติตามเข้าใจนั้นมักไปกันคนละเรื่อง
แม้เข้าใจว่าสิ่งที่ไปเที่ยวแสวงหามานั้นยิ่งมากยิ่งทำให้ชีวิตยุ่งยาก แต่ดูเหมือนว่าเกิดเป็นคนแล้วความสุขจากความสำเร็จจากการแสวงหานั้น เป็นสิ่งยั่วยวนมากกว่า
ความยุ่งยาก ลำบากลำบนจึงเป็นเรื่องเล็ก หรือกลายเป็นวิถีของคนไม่สู้โลก
เหมือนกับว่า ไม่มีใครไม่รู้หรอก ว่า “ผู้ที่หาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองน้อยที่สุดคือ คนที่พูดเฉพาะในเรื่องที่เป็นจริง ทำเฉพาะในเรื่องที่จำเป็น”
ไม่ว่าใครก็ตามที่ “เที่ยวพูดเพ้อเจ้อไปตามความคิด ตามจินตนาการ หลุดออกจากความเป็นจริงไปมากเท่าไร ยิ่งนำความยุ่งเหยิงมาสู่มากเท่านั้น”
อะไรจะสร้างปัญหาให้มากเท่ากับการสร้างความเข้าใจผิด การพูดที่เกินเลยจากความเป็นจริง ย่อมสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะก่อความเข้าใจผิด และนำความยุ่งยากในการชี้แจงทำความเข้าใจตามมา
แต่คนเราที่สุดแล้วมักชอบพูดในเรื่องที่เกินเลยจากความเป็นจริง เอาความคิด เอาจินตนาการของตัวเองมาสาธยายคาดหวังว่าจะให้คนฟังเชื่อตามที่ตัวเองเพ้อเจ้อไป มีความรู้สึกว่าการได้พูดยิ่งเห็นโอกาสสร้างการยอมรับ
ความคาดหวังที่ทำมาซึ่งความยุ่งยากอื่นๆ
พูดน้อยความยุ่งยากก็น้อย แต่คนเรามักพูดมาก ยิ่งไม่เป็นไปตามคาดหวังก็ยิ่งพยายามโน้มน้าว
เช่นเดียวกับการลงมือทำ
เมื่อต้องการสร้างอะไรสักอย่าง หนทางที่ควรจะเป็นคือทำเฉพาะที่จำเป็นกับการจะต้องสร้างยิ่งนั้นขึ้นมา แต่คนเรามักไม่เป็นอย่างนั้น มักทำอะไรที่เกินความจำเป็นต้องทำไปมากมาย
ดังนั้น แทนที่จะสร้างสรรค์สิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อมาแก้ปัญหาบางอย่างให้ชีวิต กลับยิ่งทำยิ่งสร้างปัญหาต่อเนื่องตามมาไม่หยุดหย่อน
จากต้องการสร้างบางอย่าง ส่วนใหญ่จะเติมความคาดหวังให้เกิดการยอมรับว่าเป็นคนฉลาด มีความสามารถสูง เก่งกว่าเข้าไป
การสร้างเท่าที่จำเป็นจึงต้องเพิ่มอวด การยกตนข่มท่านเข้าไป เพื่อตอบสนองความรู้สึกว่าเหนือกว่า
เรื่องแบบนี้รู้ได้ไม่ยาก หากฝึกที่จะพิจารณาแรงขับภายในใจตัวเองว่าการพูด การทำในแต่ละเรื่องแท้จริงแล้วเป้าหมายคืออะไรกันแน่
จะพบได้ไม่ยากว่าที่พูดนั้นหลุดจากความเป็นจริงไป เพราะต้องการให้เกิดการยอมรับ เช่นเดียวกับการทำเกินความจำเป็นก็เพื่อความรู้สึกว่าเหนือกว่าคนอื่นของตัวเอง
ชีวิตมักดำเนินไปด้วยเรื่องราวเหล่านี้