เชียงคานเมืองสีเขียว โมเดลต้นแบบ ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

ภาวะโลกร้อนนับเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ดูจะแก้กันไม่ตกและยืดเยื้อยาวนานมานับทศวรรษแล้ว

การปลูกต้นไม้ก็นับเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและได้ผลมากที่สุดวิธีหนึ่ง ด้วยการเพิ่มก๊าซออกซิเจนและให้ต้นไม้ได้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เพียงเท่านั้น การลดการใช้รถยนต์ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่เยียวยาธรรมชาติและชั้นโอโซนได้ดีและเป็นที่นิยมไม่แพ้วิธีอื่น

เป็นที่นิยมมากขนาดไหน ก็ต้องดูเทรนด์คนปั่นจักรยานรอบตัวที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกทีอย่างน่ายินดี เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นผลดีต่อธรรมชาติรอบตัว แต่ยังเป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายผู้ปั่นอีกด้วย

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จับมือกับอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ร่วมเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมทั้งการคัดแยกขยะ และร่วมกันปั่นจักรยานไปปลูกต้นไม้ ณ โรงคัดแยกขยะที่เทศบาลเชียงคาน เพื่อเป็นแนวป้องกันฝุ่นและกลิ่นของขยะที่จะกระจายออกสู่ชุมชน และยังถือเป็นศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศอย่างยั่งยืนแก่นักเรียนและชุมชนในอนาคตข้างหน้าต่อไป

Advertisement

และจังหวัดเลย นับเป็นอีกเมืองที่ต้องการพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะความเจริญและตึกสูงเข้ารุกล้ำในหลายพื้นที่ *วิโรจน์ จิวะรังสรรค์* ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ให้ความเห็นว่า ส่วนตัวแล้วเขาอยากให้จังหวัดเลยเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าอยู่ ซึ่งความน่าอยู่ดังกล่าวนั้นครอบคลุมความหมายถึงการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยชูเรื่องการจัดการนิเวศ การจัดการสิ่งแวดล้อม-เป็นจุดสูงสุดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เชียงคานเมืองสีเขียว

เพราะฉะนั้น การที่ทำให้เชียงคานเป็นเมืองสีเขียวจึงสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของเขาโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น-เรื่องนี้เป็นการปลุกกระแสจิตสำนึก เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งมากน้อย ย่อมเห็นกันแล้วว่าทุกวันนี้กระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติรวมถึงการปั่นจักรยานเพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นเป็นที่นิยมมากเพียงไร

Advertisement

ท่ามกลางกระแสการท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เชียงคาน จังหวัดเลย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมแบกเป้เดินทางไปจนถึง หลายครั้งหลายคราว เสน่ห์ของเมืองนี้อาจเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วในหมู่คนชอบท่องเที่ยว ว่ามาเมื่อไร ได้กลับไปทั้งรูปภาพและรอยยิ้ม

“เชียงคานโมเดลก็คือเมืองที่ยังคงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประเพณีวัฒนธรรม และแม่น้ำโขงก็คือว่าเชียงคานแม่น้ำโขงคือชีวิต”

“วิถีชีวิตคือจิตวิญญาณ ประเพณีวัฒนธรรมคืออาภรณ์ของคนเชียงคาน” วิโรจน์กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ดี นี่ย่อมไม่ใช่โครงการอนุรักษ์ครั้งแรกของโตโยต้า เพราะที่ผ่านมากว่า 50 ปีของโตโยต้าในประเทศไทยนั้น เจตนารมณ์หลักของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้คือการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและกิจการต่างๆ อย่างกระตือรือร้น ไม่แปลกหากหลายคนจะคุ้นกับชื่อโครงการอย่าง “ลดเมืองร้อนด้วยมือเรา” ที่ดำเนินมายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว พร้อมเน้นไปที่การลดใช้พลังงานการเดินทางอย่างยั่งยืน ลดการใช้น้ำ ลดการปล่อยของเสียและการเพิ่มพื้นที่สีเขียว-เหล่านี้คือสิ่งที่โตโยต้าพยายามปลูกฝังเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด นี่ย่อมเป็นโครงการที่ปรารถนาดีต่อคนในชุมชนและธรรมชาติอย่างดีที่สุดโครงการหนึ่ง

โดยก่อนหน้าที่จะมาถึงจังหวัดเลยนั้น ที่ภาคเหนืออย่างจังหวัดเชียงรายก็เคยมีโครงการเมืองสีเขียวหรือ Toyota Green Town มาแล้ว ขณะที่เมื่อเดือนธันวาคมก็เป็นคิวของจังหวัดกระบี่ที่ภาคใต้ กระทั่งถึงเวลาของจังหวัดเลยภาคอีสาน

“บริษัทเราขายรถยนต์ก็จริง แต่การที่เราจะอยู่ร่วมกับชุมชนได้นั้นเราต้องมีความกลมกลืน ถังขยะรีไซเคิลหรือแบบคัดแยกเราก็เอามาจากการใช้ในโรงงานของเรา หรือคิดว่าทำอย่างไรที่จะสร้างให้วัสดุของเสียเหล่านั้นทำประโยชน์สูงสุดที่สุด นั่นคือการนำกลับมาใช้ใหม่ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการนี้จะทำให้เกิดตระหนักในการดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกัน”  วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าว

ตบท้ายกันที่ บรรพต ยาฟอง นายอำเภอเชียงคาน กล่าวถึงเสน่ห์ของอำเภอเชียงคานได้อย่างหมดจด

เชียงคานเมืองสีเขียว

“เชียงคานยังคงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เมืองเชียงคานเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด ปั่นจักรยานชมสิ่งต่างๆ หรือกราบนมัสการวัดที่พบ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สัมผัสบรรยากาศแห่งความเป็นมิตรไมตรีที่ดี”

พ้นไปจากนั้น เชียงคานยังเป็นเมืองที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องเที่ยว เพราะอาหารพื้นบ้านอันหลากหลาย มีตลาดนัดและถนนคนเดินที่ยาวเหยียดเพียบพร้อมไปด้วยข้าวของนานาชนิด กระทั่งปลาน้ำโขงหรือกุ้งเต้นก็มีไม่ขาด หรือยิ่งสำหรับชาวพุทธศาสนิกชน การตื่นมาตักบาตรข้าวเหนียวหน้าที่พักหรือถนนทุกสายหลัง ย่อมเป็นการเริ่มวันใหม่ที่ดีไม่น้อย หรือหากอยากท่องเที่ยวเยี่ยมชม เชียงคานยังอ้าแขนต้อนรับด้วยภูทอกทะเลหมอกที่เห็นวิวทิวทัศน์กว่าครึ่งเมือง

“สำหรับผม เชียงคานเป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง คือเป็นเมืองเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ มีวัฒนธรรม มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามวิถีชีวิตดั้งเดิม ผู้คนมีรอยยิ้มจริงใจ” เขาพูด และแน่นอนว่าที่ปรากฏนั้นคือรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าของเขาเป็นสิ่งส่งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image