เดินไปในเงาฝัน : ขำไม่ออกในงานพระนครคีรี

“นึกถึงทีไร ก็ขำตัวเองสมัยวัยรุ่นทุกที”

ที่พูดประโยคนี้ขึ้นมาเพราะผมบังเอิญเห็นข่าวประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศไปเที่ยวงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 32 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-18 กุมภาพันธ์ 2561

นั่นหมายความว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จะวางแผงในวันสุดท้ายของงานพอดี

นอกจากนั้น ผมยังได้รับไลน์ภาพจากเพื่อนในกลุ่มโรงเรียนเก่าสมัยมัธยมปลาย เพราะเขาแต่งชุดไทยไปเที่ยวงานพระนครคีรีกัน

เห็นแล้วทำให้นึกถึงตัวเองสมัยอดีต

Advertisement

โดยเฉพาะการจัดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 1 ถ้าจำไม่ผิดงานนี้น่าจะเกิดขึ้นสมัย “คุณเชาวน์วัศ สุดลาภา” เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี

หรือราว 32 ปีมาแล้ว

ผมจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนนั้นพอทราบข่าวว่าทางจังหวัดจะจัดงานพระนครคีรี เขาจึงเปิดให้พ่อค้าแม่ค้าเข้ามาจับจองแผงเพื่อขายของภายในงาน

Advertisement

ผมนึกสนุกอีท่าไหนไม่ทราบ จึงเอ่ยปากเชิญชวนรุ่นน้องที่สนิทกันไปจับจองแผงกับเขาด้วย เจ้าหน้าที่ถามผมว่า…จะขายอะไร?
“ยาดองกับเสื้อผ้าครับ” ผมตอบ

เขามองหน้าผมนิดหนึ่ง…พร้อมกับจดอะไรลงไปไม่รู้ จากนั้นเขาให้เบอร์ร้านค้ามาหนึ่งเบอร์ ผมรับไว้ทันที ตอนนั้นผมรับรู้ในทีว่า…เราได้ร้านค้าแน่นอนแล้ว

จากนั้นเขาเล่าให้ฟังถึงการขอติดตั้งไฟ ค่าแผงตลอดงาน ซึ่งผมกับรุ่นน้องไม่ได้ว่าอะไร เพราะค่าแผงกับค่าไฟไม่ได้แพงเกินไป

อีกอย่างอาจเป็นครั้งแรกด้วย ราคาจึงไม่แพง
อีกอย่างยาดองกำลังเป็นที่ยอดนิยมมากในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะช่วงปี 2528-2529 แต่ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีโอกาสลิ้มลองเท่าไหร่ พวกเขาอาจเห็นว่าไอ้หมอนี่ขายของแปลกดี จึงให้โอกาส

ความท้าทายจึงเกิดขึ้นทันที

สำหรับเสื้อผ้าผมไม่มีความกังวลเท่าไหร่นัก เพราะเรารู้แหล่งซื้อผ้าดิบแถวสำเพ็ง ส่วนแบบ และคนตัดเย็บเราก็จ้างแม่ของเพื่อนเป็นคนตัดให้

แรกๆ แม่ของเพื่อนอาจงงนิดหน่อยว่ากางเกงถุงแป้งจะขายได้หรือ?

ผมบอกแม่ของเพื่อนไปว่า…ผมกะทำขายฝรั่ง ได้ ไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะซื้อผ้ามาในราคาถูก หากเหลือ เก็บไว้ขายงานอื่นๆ ต่อไปได้ เพราะตอนนั้นเริ่มวางแผนที่จะไปขายของตามงานลอยกระทง จ.สุโขทัย และที่อื่นๆ บ้างแล้ว

แต่สำหรับยาดองนี่สิ เป็นความท้าทายอย่างใหญ่หลวง เพราะเราทั้งคู่ดีที่สุดในชีวิตก็เหล้าขาวน้ำแดง ส่วนเหล้าแดงของไทยยี่ห้อดังๆ นี่ไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลย เพราะไม่มีตังค์

แต่เมื่อต้องทำยาดองขาย ก็ต้องไปกิน ตอนนั้นร้านหมอโชติ หรือร้านโชติจิตโภชนา แถวแพร่งภูธร มีชื่อเสียงมากในเรื่องอาหารการกิน รวมถึงยาดองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเช่นกัน

ผมไม่มีปัญญาไปลองหรอก

ที่สุดจึงเบนเข็มไปชั้น 5 หรือชั้น 6 ของห้างสรรพสินค้านิวเวิลด์ บางลำพูสมัยนั้น เพราะที่นั่นนอกจากจะมียาดองขาย ยังมีสูตรยาดองสมุนไพรบำรุงเพศหลากหลายสูตรจำหน่ายด้วย

ผมกับรุ่นน้องทดลองกินกันหลายสูตร
หลายวันติดต่อกัน
จนเพียบแปล้ทุกวัน

ที่สุดจึงตัดสินใจเลือกสูตรม้ากระทืบโรง, โด่ไม่รู้ล้ม, สาวสะดุ้ง และกำลังช้างสารมาเป็นสูตรชูโรง โดยแต่ละสูตรก็จะบอกขั้นตอนการทำอย่างละเอียด

แต่ด้วยความที่เราก็เซียนของมึนเมาพอสมควร จึงประยุกต์สูตรของเราขึ้นมาเอง เพราะเพชรบุรีพอมีเหล้าต้มเองอยู่บ้าง วิธีการก็ง่ายๆเริ่มจากนึ่งตัวยาสมุนไพรจนเปื่อย จากนั้นจึงนำตัวยาสมุนไพรใส่โหลยาดอง ก่อนที่จะใส่เหล้าต้มเองของชาวบ้าน (เหล้าเถื่อน) ของเพชรบุรีประมาณ 40 ดีกรีลงไป

เราใส่กระเทียมโทนลงไปด้วย

ที่สำคัญกว่าเราใส่รังผึ้ง และหัวน้ำผึ้งลงไปผสมด้วย จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วันก่อนที่จะนำออกขายในวันงาน ปรากฏว่าลูกค้าตอบรับแน่นขนัด

จำไม่ผิดตอนนั้นผมขายเป๊กละ 5 บาท
วันหนึ่งขายได้ประมาณ 2-3 พันบาทอย่างต่ำ โดยใช้เวลาขายตั้งแต่แดดร่มลมตกเรื่อยไปจนถึงเที่ยงคืนของทุกวัน ส่วนกางเกงถุงแป้งก็ขายได้เรื่อยๆ

ไม่หวือหวานัก
เพราะคนอยากกินยาดองมากกว่า

จนกลายเป็นปากต่อปากว่าถ้าใครมางานพระนครคีรี-เมืองเพชรต้องลองมากินยาดองที่ร้านผมสักครั้ง ซึ่งใครจะรู้ล่ะว่าคนร้อยพ่อพันแม่ที่ตั้งใจมาร้านของผมจะมีภูมิหลังกันอย่างไรบ้าง

เพราะลูกค้าส่วนใหญ่วัยรุ่นทั้งนั้น
ผมไม่รู้ใครถูกกับใคร ไม่ถูกกับใครบ้าง

จน 2-3 วันให้หลังมันตีกันเละเทะเลยครับ ผมกับรุ่นน้องนี่เก็บโหลยาดองแทบไม่ทันเลย บางโหลก็ตกแตกเสียหายบ้าง แต่ที่เสียใจกว่าคือเจ้าหน้าที่ของงานมาบอกให้เลิกขายยาดอง เพราะทำให้งานพระนครคีรี-เมืองเพชรเสื่อมเสีย

ผมนี่ปลงเลย

ขอบคุณรูปภาพ : TAT Phetchaburi

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image