ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน หน้า 16 |
---|---|
ผู้เขียน | วินิทรา นวลละออง |
เผยแพร่ |
การควบคุมอาหาร ควบคุมการกิน และการลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ยากชนิดที่ใครไม่เคยประสบกับตัวเองคงจินตนาการไม่ออกเลยค่ะ
มันอาจจะยากกว่าวิชาคณิตศาสตร์เสียด้วย
นักศึกษาสาวคนหนึ่งมาพบด้วยปัญหาเครียดเรื่องการเรียน เธอไม่ค่อยชอบคณะที่เรียนอยู่ในปัจจุบันแต่คุณแม่ของเธอซึ่งเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวบอกว่าให้อดทนเรียนต่อไปก่อน จบปริญญาตรีแล้วอยากเรียนอะไรเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ความเครียดที่ต้องเรียนอย่างหนักในคณะที่ไม่ชอบทำให้เธอรับประทานอาหารเยอะขึ้นค่ะ อ่านหนังสือตอนกลางคืนแล้วเครียดก็ลงไปร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรกิน กลางวันเรียนแล้ว ง่วงนอนก็ดื่มกาแฟเย็นซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าน้ำตาลเยอะมาก
นอกจากนั้น เธอยังกินจุบกินจิบทั้งวัน ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา น้ำหนักตัวของเธอขึ้นไปอีกเป็นสิบกิโลกรัม คราวนี้ความเครียดที่สองจึงตามมาเพราะเธออ้วนขึ้นจนเสื้อผ้าเดิมใส่ไม่ได้ แม้จะยังแต่งตัวและแต่งหน้าสวยงามแต่ความมั่นใจก็ลดลงมากเพราะไม่เคยมีรูปร่างใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เดินไปทางไหนก็คอยระแวงว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะ หนูลองลดน้ำหนักดูแล้วก็ไม่เคยได้ผลเลย หนูไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทนทำเรื่องที่ไม่ชอบทั้งเรื่องเรียนและเรื่องคุมอาหาร มันทำให้หนูไม่มีความสุข แล้วหนูต้องทำอะไรถึงจะมีความสุข คะ หนูก็ไม่ไปเรียนแล้วหนูก็กิน
การกินเป็นอย่างเดียวที่ทำให้หนูมีความสุขแล้วหนูผิดเหรอคะที่หนูจะมีความสุขบ้าง
ก็ไม่ผิดค่ะ แต่หมอได้ยินว่าหนูกำลังควบคุมน้ำหนัก มีความสุขอย่างอื่นนอกจากการ โดดเรียนกับการกินไหมคะ ไม่มีค่ะ หนูไม่ชอบออกกำลังกายด้วย เคยออกแล้วน้ำหนักไม่ลดเลยไม่รู้จะทำไป ทำไม ฟังแล้วก็กุมขมับค่ะ
ถ้าเธอนิยามการเรียน ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายไว้กับ ความทุกข์ แล้วนิยามการโดดเรียนกับการกินไว้กับ ความสุข ก็เหมือนคนที่เสพสุขตามใจแต่ไม่ยอมรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาจากการเสพนั้น
คุณแม่ของเธอเคยถามด้วยความกังวลว่าเพราะเลี้ยงลูกตามใจมากไปหรือเปล่าถึงได้เป็นแบบนี้ ตอนนั้นก็ปลอบใจไปค่ะว่าการเลี้ยงดูของคุณแม่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตลูกเท่านั้น เขายังมีช่วงเวลาอยู่ที่โรงเรียน อยู่กับตัวเอง และตอนนี้เขาก็โตพอสมควรแล้ว เรื่องการใช้ชีวิตก็ควรเป็นความรับผิดชอบของเขาเองด้วย ไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณแม่คนเดียว การใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องตัวใครตัวมันจริงๆ ค่ะ
“เมื่อวานเจ๊ทานอะไร? “ เล่ม 10 ซึ่งเป็นการ์ตูนแนวไลฟ์สไตล์มีตัวอย่างเรื่องนี้ให้ดู ในตอนที่ 78
“เคนจิ” ช่างตัดผมวัยกลางคนเริ่มสังเกตว่าเขาลงพุงและผมบางลงไปมากในระหว่างที่ ”ชิโร่” คู่รักเพศเดียวกันซึ่งอยู่ร่วมบ้านกันและอายุมากกว่ากลับยัง รูปร่างดีและผมดกดำอยู่
เคนจิบ่นกับชิโร่ว่าเดิมตัวเองเป็นคนผอมอยู่แล้วและกินอาหารสุขภาพที่ชิโร่ทำให้ทุกวันจึงคิดว่าไม่ต้องออกกำลังกาย เขาจึงรู้สึกน้อยใจที่ใช้ชีวิตเหมือนกันแท้ๆ กลับลงพุงและผมบางกว่าชิโร่ซึ่งอายุมากกว่า ชิโร่ตอบไปว่าตัวเขาเองเข้าฟิตเนสมาเกือบ 20 ปี และว่ายน้ำอย่างน้อย 1 กิโลเมตร สัปดาห์ละครั้ง ถ้าเคนจิจะบ่นเรื่องรูปร่างก็ควรดูแลตัวเองให้เต็มที่เสียก่อนแล้วค่อยมาบ่น ดูเหมือนว่าคำบ่นของคนที่ยังไม่เริ่มพยายามเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของตัวเองจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าไรค่ะ เคนจิเลยไปสมัครสมาชิกฟิตเนสเสียเลย
การเริ่มต้นออกกำลังกายไม่ยากเท่าการทำให้ได้อย่างต่อเนื่องค่ะ เว็บไซต์ Medical News Today ซึ่งนำเสนอบทความเกี่ยวกับสุขภาพแนะนำว่ามีเทคนิคบางอย่างช่วยให้เรารู้สึกอยากออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ จัดวิธีออกกำลังกายให้หลากหลายแทนที่จะออกหนักแค่แบบเดียว การออกกำลังกายหลายแบบช่วยให้มีสมาธิกับกิจกรรมตรงหน้าได้นานกว่าทำแบบเดิมต่อเนื่องเป็นเวลานาน
นอกจากนั้น ความหลากหลายยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นทุกส่วนอีกด้วย ทางด้านมุมมอง ให้มองว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่พิเศษและฟุ่มเฟือย ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะการคิดว่าทำได้ง่ายๆ ทุกวันอาจทำให้รู้สึกเบื่อเอาได้ อย่างไรก็ตาม นั่นคือเรื่องมุมมองค่ะ ในทางปฏิบัติให้ออกกำลังกายเสมือนเป็นกิจวัตรประจำวันแบบเดียวกับที่เราอาบน้ำและแปรงฟันทุกวัน และอย่าลืมว่าในความเป็นจริงการออกกำลังกายก็ช่วยให้เรารู้สึกมีความสุขได้จากสารเอ็นดอร์ฟิน ที่หลั่งออกมาด้วย ดังนั้น ไม่ควรมองว่าการออกกำลังกายเป็นการทรมานตัวเองหรือการลงโทษที่น้ำหนักขึ้น