| ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | กษิดิศ ปาณฑุเดชะ |
| เผยแพร่ |
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมไทยเเละเป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้แห่งใหม่ของเมืองไทย สำหรับ ณ สัทธา อุทยานไทย ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ 42 ไร่ ในจังหวัดราชบุรี
ภายใต้แนวคิด “เพราะ..สาระความรู้ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียนและตำรา เพราะ….ความสุขสงบไม่ได้มีเพียงในวัดวาอาราม”
ณ สัทธา อุทยานไทย จึงสอดแทรกความศรัทธา ความรู้ คติธรรม ความเชื่อและขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยไว้อย่างลงตัว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามานอกจากจะได้ชมความงดงามของอุทยานแห่งการเรียนรู้ที่ออกเเบบมาอย่างดีพร้อมแฝงด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทยเเละสอดเเทรกด้วยหลักศาสนาเเล้ว ยังได้ศึกษาชีวประวัติผู้มีชื่อเสียง คนดีของแผ่นดิน พระอริยสงฆ์ในรูปหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสขนาดเสมือนจริงกว่า 60 รูป พร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตบ้านไทยและประวัติศาสตร์พุทธศาสนา
โดยแบ่งเป็น 8 โซนหลัก ได้แก่ มหาราชกษัตรา, ณ สัทธาอนุสรณ์, ณ สัทธาปฏิมา, ถ้ำพุทธชาดก, อริยสัทธา, สัทธาถิ่นเรือนไทย, ลานภิรมย์ และลานอวโลสัทธา พร้อมบริการเช่าชุดไทย ให้เดินเที่ยวชมสัมผัสความร่มรื่นตลอดเส้นทางด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ผ่อนคลายความร้อน ดื่มด่ำกับบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติและวัฒนธรรมโบราณ
แต่ก็สอดเเทรกไปด้วยความทันสมัยด้วยการนำระบบดิจิทัลมาใช้ภายในโซนจัดแสดงเเละเล่าเรื่องโดย วิดีโอไกด์และเทคนิคพิเศษอื่นๆ ได้แก่ Animation, Interactive Game, AR และ Photo Frame เช่น การ์ตูนสั้น, ภาพยนตร์สั้น, วิดีโอคลิป และภาพจำลองเสมือนจริง ที่รับชมได้ในแอปพลิเคชั่น “ณ สัทธา/NASATTA” ผ่านสัญญาณ Wi-Fi ที่ให้บริการอยู่ทั่วบริเวณโซนจัดแสดง
ยังเพิ่มอรรถรสในการเรียนรู้ด้วยการรับชมความเป็นมาของพระพุทธศาสนาในไทยที่วิหารสุโขทัย และถ้ำพุทธชาดก ผ่านสื่อ Projector Mapping 270 องศาในการถ่ายทอดเรื่องราวที่เน้นการใช้แสงสีเสียง
ยุทธลักษณ์ ศิริพรเลิศ หรือ โอม กรรมการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือศิริเลิศ และรับหน้าที่บริหาร ณ สัทธา อุทยานไทย เล่าว่า ณ สัทธา อุทยานไทย แห่งนี้เดิมคือ ‘อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม’ ได้รับการปิดปรับปรุงไป 3 ปีก่อนจะเปิดพื้นที่จัดแสดงอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ ให้มีความน่าสนใจและไม่น่าเบื่อ จากเดิมที่นักท่องเที่ยวต้องยืนอ่านข้อมูลบนป้ายบอร์ดตามจุดต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจไม่อยากให้พลาดคือโซนถ้ำพุทธชาดก ที่นำเสนอผ่านหุ่นขี้ผึ้ง โดยการเล่าเรื่องผ่านเทคนิคแสง สี เสียง ที่ตระการตาทะลุเข้าไปในตัวหุ่นขี้ผึ้ง ตลอดเส้นทางเดินทุกคนจะได้รับชมเรื่องราวขององคุลีมาลเถระ ตั้งแต่เป็นมหาโจรจนไปถึงการกลับเข้าสู่ธรรมะและบรรลุเป็นพระอรหันต์ จากทางเข้าถ้ำจนถึงทางออก ถือเป็นที่เดียวในจังหวัดราชบุรีและอาจเป็นที่แรกในประเทศที่มีเอกลักษณ์และสร้างความลงตัวระหว่างศิลปะของไทยกับความร่วมสมัย
“นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือมากันเป็นครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ จะต้องชื่นชอบกับสิ่งที่เรานำมาช่วยในการนำเสนอ นอกจากนี้ยังมีจุดที่ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุจะต้องชื่นชอบก็คือ ณ สัทธานุสรณ์ ที่จะจัดแสดงประวัติของปูชนียบุคคลของประเทศทั้งเป็นคนไทยและคนต่างชาติที่มีความสำคัญผ่านหุ่นขี้ผึ้ง ไม่ว่าจะเป็น ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ และสืบ นาคะเสถียร ที่จะยืนอยู่หน้าโต๊ะที่มีแผนที่ห้วยขาแข้งอยู่ ซึ่งหากใช้แอพพลิเคชั่นสแกนจะปรากฏเทคโนโลยี 3D เป็นช้างป่าเดินผุดขึ้นมาบนแผนที่ ซึ่งจะมีลูกเล่นอะไรแบบนี้ตามจุดต่างๆ ในทุกส่วนของอุทยาน
“ที่สำคัญคือชั้น 2 ของอาคาร ณ สัทธานุสรณ์ ได้จัดแสดงพระราชจริยวัตรต่างๆ ของ ‘สมเด็จย่า’ โดยการจำลองจากพระประวัติของท่าน จุดนี้จะทำให้ทุกคนทุกเพศทุกวัยได้ซาบซึ้งในพระราชจริยวัตรต่างๆ ของสมเด็จย่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เกิดและเติบโตมาพร้อมกับความดีและสิ่งที่ท่านทำ”
ยุทธลักษณ์ยังเปิดเผยอีกว่า ทีมงาน ณ สัทธา อุทยานไทย รวมถึงผู้ก่อตั้งเอง ก็อยากจะใช้พื้นที่ตรงส่วนนี้ในการเผยแพร่วัฒนธรรมศิลปะของไทย และอนุรักษ์ไว้ แต่เดิมเราเคยเป็นโรงหล่อพระ ใครที่ชอบเกี่ยวกับศาสนาพุทธ น่าจะสนใจโซนที่เป็นหุ่นขี้ผึ้งของอาจารย์เกจิชื่อดังกว่า 60 รูป อยู่ตามกุฏิในโซนที่จัดแสดง และยังมีบ้านทรงไทยจำลองวิถีชีวิตของคน 4 ภาค พร้อมวิดีโอเกมให้เล่นในบางจุดที่จัดแสดงผ่านแอพพลิเคชั่น ค่าเข้ารับชมก็ยังไม่สูงมาก การเดินทางก็ง่าย และกรุ๊ปนักเรียนที่อยากเข้ามาทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้นอกห้องเรียน เราก็จะมีส่วนลดพิเศษให้อีกด้วย
“แต่ก่อนถ้าพูดตรงๆ ต้องยอมรับว่าสถานที่ของเรานั้นน่าเบื่อและดูนิ่งๆ ไม่มีอะไร ด้วยความที่ผมชื่นชอบเทคโนโลยีจึงได้พยายามบูรณะและหาอะไรใหม่ๆ เข้ามา เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่ความตั้งใจของเราคืออยากให้เด็กรุ่นใหม่และเยาวชนสามารถเข้าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เราอยากจะนำเสนอ โดยเมื่อเขามาก็หวังว่าเขาจะประทับใจและนำไปบอกต่อ รวมถึงการกลับมาอีกครั้งหนึ่ง”
ขณะที่ ธรรมวิทย์ ศิริพรเลิศ กรรมการบริหาร บริษัท ณ สัทธา จำกัด เผยว่า ชื่อ ณ สัทธา อุทยานไทย ที่เราเปลี่ยนใหม่ จุดกำเนิดมันเกิดจากตอนที่ทีมพัฒนาปรับปรุงที่ได้เข้ามาสัมผัสได้ฟังเรื่องราว พวกเขาได้เกิดความรู้สึกขึ้นมาในใจเลยว่า ที่แห่งนี้ทุกสิ่งได้เกิดจากความศรัทธาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความสุขสงบ ความดี ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่ผู้ก่อตั้งได้ทำตั้งแต่สมัยยังเป็น ‘อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม’ เราไม่ได้ลดความศรัทธาเหล่านั้นลง และยังรักษางานตรงนี้ไว้ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ ในวันข้างหน้างานประติมากรรมเกี่ยวกับพระพุทธรูปหรืองานศิลปะไทยก็จะค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา หรืออาจอยู่แค่เฉพาะกลุ่ม แต่สิ่งที่เราทำขึ้นมา เด็กๆ หรือคนที่เข้ามาก็จะซึมซับในสิ่งที่เราทำไปโดยไม่รู้ตัว
“นอกจากนี้ ททท.หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็กำลังประกาศว่า ที่ตรงนี้อุทยานของเรา คือ ‘Destination’ หรือประตูที่นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาจังหวัดราชบุรีจะพลาดไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เราทำเราตั้งใจ และอยากจะต้อนรับทุกคนให้มาเที่ยวกันด้วยหัวใจที่พร้อมไปด้วยความศรัทธา”
“ค่าตั๋ว 200 บาทแรกเริ่มในใจทุกคนคงคิดว่าอาจไม่คุ้มค่า แต่พอเราเปิดให้เข้าชมหลังปรับปรุงในวันที่ 30 มิถุนายน หลายคนที่เข้ามา ได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 200 บาทมันยังถูกไปด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้ผมไม่ได้พูดขึ้นมาเอง เพราะผมก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่ามันดียังไง ขอแค่เข้ามาเอง และคุณจะรู้สึกไม่ผิดหวัง”
“นักท่องเที่ยวที่มีความสนใจการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่มีความร่วมสมัย เดินย้อนเวลาโดยมีจุดเชื่อมโยงของสมัยเก่าและสมัยใหม่ ที่ ณ สัทธา อุทยานไทย ท่านจะได้พบกับบรรยากาศการท่องเที่ยวที่อาจจะไม่เคยสัมผัสมาก่อนเป็นซึ่งเป็น ‘Destination’ ของจังหวัดราชบุรี”
สำหรับวันที่ 27-30 กรกฎาคมนี้ กำลังมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ ณ สัทธา อุทยานไทย ได้จัดกิจกรรมพิเศษเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวร่วมสร้างบุญหล่อเทียนในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ณ ลานสัทธาปฏิมา โดยแบ่งโซนกิจกรรม อาทิ โซนวิถีแห่งสัทธา ร้อยเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ณ สัทธา อุทยานไทย โซนวิถีราชบุรี เรียนรู้วิถีชีวิต 8 ชาติพันธุ์จังหวัดราชบุรี และโซนอื่นๆ อีกมากมาย
สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.nasatta.com หรือ Facebook: Nasatta_thai
