เลาะเลียบโขง ท่องเที่ยววิถีชุมชน เช็กอินส่งท้ายปีกับ ‘บึงกาฬ’ เมืองรองต้องมนต์

วัดถ้ำศรีธน หรือวัดสว่างอารมณ์

หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 55 เมืองรอง สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวในเมืองรองมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 61 ถึงปลายปีนี้

ลองจินตนาการดูว่าเมื่อเราคิดจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งในประเทศไทย เป็นจังหวัดที่เงียบๆ ไม่วุ่นวาย เดินทางสะดวก บางครั้งเมืองที่เคยมองว่าเป็นแค่เมืองทางผ่าน อาจมีเสน่ห์และความงดงามที่เราคาดไม่ถึงรอคอยให้เข้าไปพิสูจน์อยู่ก็เป็นได้

เเละหนึ่งในเมืองรองที่ “บอกเลย” ต้องห้ามพลาด คือ “จังหวัดบึงกาฬ” จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ที่มีดีหลากหลายด้าน

จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บึงกาฬมีรายได้ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวภายในจังหวัดปี 60 รวมกว่า 965.79 ล้านบาท ปี 61 รวมรายได้ 1,025.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.20 จากปีที่ผ่านมา เเละในเดือนสิงหาคม ปี 61 ชาวไทยมาเยือน 37,188 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 3.43 ส่วนชาวต่างชาติมาเยือน 543 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 3.23 อัตราการเข้าพัก 22,349 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.45 เปอร์เซ็นต์

Advertisement

สะท้อนว่านักท่องเที่ยวต่างเพศต่างวัยเริ่มรู้จัก “บึงกาฬ” เเละอยากเดินทางมาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

สำหรับ “บึงกาฬ” มีพื้นที่ทั้งหมด 4,305 ตารางกิโลเมตร พรมแดนติดกับแม่น้ำโขงและแขวงบอริคำไซ สปป.ลาว มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งภูเขา น้ำตก แหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน และวัฒนธรรมอีกหลายแห่ง

ครั้งนี้ “มติชน” จะพาท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนผ่านตัวหนังสือแบบเรียบง่าย เริ่มออกเดินทางจาก จ.อุดรธานี บนถนนหลวงสาย 212 ถึง อ.ปากคาด ระยะทาง 147 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2.30 ชั่วโมง เมื่อมาถึงแนะนำไหว้พระที่ วัดถ้ำศรีธน หรือ วัดสว่างอารมณ์ ที่นี่เป็นบุญสถานเเละแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของ อ.ปากคาด ที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระโตโคตะมะ และหอระฆังที่สร้างขึ้นด้วยโอ่งลายมังกร มีความโดดเด่นของอุโบสถรูปทรงแตกต่างจากอุโบสถของวัดแห่งอื่น เมื่อขึ้นไปสู่จุดสูงสุด สามารถชมวิวโดยรอบได้ 360 องศา เห็นทิวทัศน์ของบึงกาฬ และฝั่ง สปป.ลาว

Advertisement
วัดถ้ำศรีธน หรือวัดสว่างอารมณ์
ผ้าขาวม้าดารานาคี กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านสะง้อ

นอกจากนั้น ด้วยความร่มรื่นรายรอบบริเวณวัดที่ยังคงเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ลำธารเล็กๆ ที่ไหลผ่าน บริเวณใต้โขดหินใหญ่ เมื่อเข้าไปในถ้ำจะเป็นที่ประดิษฐานพระนอนให้ผู้คนสักการะบูชา ที่นี่เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งผู้แสวงบุญและแสวงหาความร่มรื่นให้แวะไปชื่นชมกันไม่ขาดสาย โดยเดินทางมาตามเส้นทางหลวงสาย 212 บึงกาฬ-หนองคาย ถึง อ.ปากคาด จะมีทางแยกเข้าวัดไปประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงวัดแห่งนี้

หลังแวะไหว้พระมุ่งหน้าต่อไปยังบ้านสะง้อ ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ อีก 25 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านสะง้อ ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ฝีมือการทอผ้าเป็นงานเสริม รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่ม พร้อมกับสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์จากผ้าทอหลากหลายชนิด ทั้งเสื้อ ผ้าขาวม้า ผ้าพันคอ และอีกหลายๆ อย่าง เจ้าของแบรนด์ “Daranakee” ผ้าขาวม้าดารานาคี ทอมือย้อมสีธรรมชาติ หมักโคลนนาคี 100% หมู่บ้านแห่งนี้เปิดให้บริการที่พักรูปแบบโฮมสเตย์ พร้อมอาหารพื้นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อให้สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนสะง้ออีกด้วย

หลังจากเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแล้วออกเดินทางต่อเพียง 10 กิโลเมตร ก็จะถึง “แก่งอาฮง” หรือจุดชม “สะดือแม่น้ำโขง” ณ วัดอาฮงศิลาวาส ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ ถือว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดไม่สามารถวัดความลึกได้ กระแสน้ำไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลากและมีกระแสน้ำไหลวน

สังเกตได้จากเมื่อมีวัสดุหรือซากไม้ขนาดใหญ่ลอยมาเมื่อถึงบริเวณนี้ สิ่งของต่างๆ จะหมุนวนอยู่ประมาณ 30 นาที จึงจะไหลต่อไป ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น “สะดือแม่น้ำโขง” มีความกว้างประมาณ 300 เมตร เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี แก่งหินกลางลำน้ำโขงจะโผล่ให้เห็น กลุ่มหินจึงมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย

ริมโขงเมืองบึงกาฬ

นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีวิหารพระพุทธชินราช วิหารหลวงพ่อสุโขทัย และลานหินธรรมชาติ รวมถึงเจดีย์พระบรมธาตุอาฮง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูงสวยงามมองเห็นโดดเด่นจากริมถนนด้วย

ออกเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองบึงกาฬ แวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารแหนมเนืองคุณอ้อ ถนนมีชัย ที่มีทั้งอาหารไทย อาหารอีสาน อาหารเวียดนาม ราคาอาหารตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป อิ่มท้องแล้วผ่านถนนข้าวเม่าริมโขง ถ่ายรูปเช็กอินและชมวิวตรงข้ามเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความกว้างที่สุด พร้อมเดินทางต่อนมัสการ หลวงพ่อพระใหญ่ วัดโพธาราม บ.ท่าไคร้ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองบึงกาฬ เเล้วออกเดินทางต่อไปยัง แหล่งท่องเที่ยวชุมชนบ้านห้วยเล็บมือ อ.บุ่งคล้า ชุมชน 2 ศาสนาสามัคคีกลมเกลียว แบบอย่างชุมชนเข้มแข็งชุมชน 2 ศาสนาสามัคคีระหว่างชาวคริสต์และชาวพุทธ ที่สามัคคีกลมเกลียวสามารถพัฒนาหมู่บ้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้เป็นอย่างดี

ที่โดดเด่นที่สุด คือเป็นแหล่งกำเนิดของต้น สิรินธรวัลลี หรือต้น 32 ประดง ดอกไม้ประจำจังหวัดบึงกาฬ ดอกสีโอลด์โรสสวยงามที่ทุกบ้านปลูกไว้เป็นไม้ประดับ และแปรรูปเป็นสินค้าเพื่อการท่องเที่ยวหลากหลายชนิด เเละที่พลาดไม่ได้คือ กิจกรรมการคั่วชาจากใบและดอกสิรินธรวัลลี

หากมีเสวนานำเสนอกิจกรรม ปั่นจักรยานริมโขงชมป่าศักดิ์สิทธิ์ และเดินขึ้นภูทอกน้อยแหล่งกำเนิดของต้นสิรินธรวัลลี ที่นี่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น ชมภูเขาเมืองปากกะดิ่ง สปป.ลาว

ใกล้กันยังมีกิจกรรมล่องเรือในแม่น้ำโขงฟังเรื่องเล่าเส้นทางเดินเรือโบราณจากผู้เฒ่าผู้แก่ ด้วยความเป็นชุมชนคริสต์ ในหมู่บ้านจึงมีพิธีทางศาสนาต่างๆ ที่น่าสนใจและยินดีให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม อาทิ การแห่ดาวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ที่แต่ละบ้านจะทำดาวกระดาษและนำออกมาแห่ในวันคริสต์มาสอีฟ ช่วงหัวค่ำท่ามกลางอากาศเย็นๆ ริมน้ำโขงของเดือนธันวาคม

จากนั้นเลาะเลียบฝั่งโขง ตามถนนหลวงสาย 212 บึงกาฬ-บ้านแพง ถึงบ้านบุ่งคล้าเหนือ ที่สามารถแวะเซลฟี่วิวสวยๆ หากมองไปทางฝั่งลาวจะเห็น “ภูงู” ซึ่งมีช่องเขาเรียกว่าภูเขาขาดมีแม่น้ำกระดิ่งไหลผ่ากลางลงสู่แม่น้ำโขง บริเวณนี้จึงเรียกว่า “ปากกระดิ่ง” จุดบรรจบของแม่น้ำกระดิ่งและแม่น้ำโขงก่อให้เกิดแม่น้ำสองสีและเป็นที่ตั้งหาดท่าสำราญ ซึ่งประชาชนในบุ่งคล้า มีมติจัดกระบวนการการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติตามศักยภาพของพื้นที่ตามฤดูกาล เพื่อเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยได้บูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อบริหารจัดการด้านการรักษาความสะอาด การจราจร การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หวังพัฒนาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคตต่อไป

เมื่อถึงฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำโขงลดลงจะปรากฏเป็นชายหาดที่มีความสวยงาม สะอาดตา ทรายมีสีขาวละเอียดคล้ายชายหาดริมทะเล โดยหาดท่าสำราญอยู่ห่างจากอำเภอเมืองบึงกาฬ ประมาณ 30 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางทางรถยนต์ โดยใช้เส้นทางหมายเลข 212 บึงกาฬ-นครพนม ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตลอดระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร

อุโมงค์ต้นไม้ปกคลุม 2 ข้างทางตลอดสายถนนหลวง 212 บึงกาฬ-บ้านแพง
ถนนระหว่างบ้านท่าดอกคำ ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง เต็มไปด้วยต้นยางพารา
ทุ่งบัวแดงกว่า 500 ไร่ ในบึงโขงหลง

ระหว่าง อ.เมืองบึงกาฬ ผ่าน อ.อบุ่งคล้า ไปถึงพื้นที่ อ.บึงโขงหลง ตลอดสองฝั่งข้างทางจะมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุม โดยเวลาบ่ายๆ เย็นๆ ที่มีแสงแดดสาดส่อง ให้เห็นเป็นช่วงๆ เกิดเป็นภาพสวยงามอีกแบบ สร้างความประทับใจให้กับผู้เดินทางผ่านถนนเส้นนี้ เนื่องจากมีความร่มรื่น บางช่วงของถนนเป็นพื้นที่ลาดเอียงเนินสูงบ้างต่ำบ้าง ทำให้เราเห็นโค้งของต้นไม้ที่ยังอุดมสมบูรณ์ คล้าย “อุโมงต้นไม้” คดเคี้ยวไปตามทาง โดยเฉพาะช่วงนี้ปลายฝนต้นหนาวจะมีความร่มรื่นสวยงามตลอด 2 ข้างทางต้นไม้ใบเริ่มเปลี่ยนสี กลายเป็นอีกหนึ่งความสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางสายนี้

ปิดท้ายด้วยการ นั่งเรือชมบัวแดง ส่องนกนานาสายพันธุ์ ที่บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำโลกหรือแรมซาร์ไซต์ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย และลำดับที่ 1,098 ของโลก ที่อยู่ในความรับผิดชอบของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง ตั้งอยู่บ้านดอนสวรรค์ อ.เซกา จ.บึงกาฬ

วิเศษศักดิ์ วิเศษโวหาร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เเนะว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดบึงกาฬ ประมาณ 70 กิโลเมตร สามารถเปิดแอพพลิเคชั่นนำทางโดยระบุว่า “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบึงโขงหลง” ก็จะสามารถมาถึงได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยทางเขตจะมีเจ้าหน้าที่และเรือสำหรับบริการนักท่องเที่ยวล่องเรือชมบัวแดง ชมนกทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ มีบ้านพักรับรองรับได้ 10 คน เรือนนอนพักได้อีก 20 คน มีสถานที่สำหรับกางเต็นท์หลังละ 50-100 บาท ส่วนค่าเข้าชมในเขตผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท ค่าบริการเรือ 500 บาทต่อเที่ยว ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 1.30 ชั่วโมง ตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่กำหนด สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 09-5662-9990 หรือ 08-9273-6905

ที่ผ่านมาเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ ด้วยการล่องเรือชมบัวแดงบานสะพรั่งในพื้นที่บึงโขงหลงกว่า 500 ไร่ ไฮไลต์ทุ่งบัวเเดงปีนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมบัวแดงเมื่อออกบานสะพรั่งจะเป็นสีขาว ซึ่งในปีนี้จะมีให้เห็นไม่ถึง 10 ดอกเท่านั้น พร้อมเบิ่งนกหลากหลายสายพันธุ์โดยเฉพาะนกเป็ดน้ำ ที่มีจำนวนมากในบึงโขงหลง ขณะที่ล่องเรือจะเห็นนกเหล่านี้เล่นน้ำและบินวนเวียนหาอาหารภายในบึง อันนี้ต้องแนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบการชมนก ไม่ควรพลาด

ภายในบึงโขงหลงยังพบความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้น้ำนานาชนิด โดยเฉพาะต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งจะเห็นได้ตามเกาะแก่งต่างๆ ที่ขึ้นในบึงโขงหลง เพิ่มบรรยากาศสุดฟินในการนั่งเรือชมความงามของธรรมชาติในยามเช้า พร้อมชมพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากเขาภูลังกา จังหวัดนครพนม เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะหน้าหนาวเช่นตอนนี้

นั่งเรือชมบัวแดง ส่องนกนานาสายพันธุ์
ภาพมุมสงกลุ่มต้นหมอข้าวหม้อแกงลิงในบึงโขงหลง
ถนนคนเดินริมโขงเมืองบึงกาฬ
สุดเขตแดนสยามริมโขงเมืองบึงกาฬ
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image