‘โป่งข่าม’ ศิลปะบนปลายแหวน คอลเล็กชั่นใหม่มาแรง เสริมมงคลรับ ‘ตรุษจีน’

เป็นธรรมเนียมนิยมที่เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน-ไชนีส นิวเยียร์ ลูกหลานชาวจีนนิยมสวมเสื้อผ้าชุดใหม่สีสันสดใสเอาฤกษ์เอาชัยเป็นมงคลตลอดทั้งปี

เครื่องประดับเป็นอีกสิ่งสำคัญที่นอกจากจะทำให้ชุดเรียบๆ ดูดีมีสไตล์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงอย่างเพชรหรือทอง หินสีหรือพลอยนพเก้าเป็นอีกความนิยมด้วยเชื่อว่าช่วยเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต

ในบรรดาหินจากธรรมชาติทั้งหลาย มีชนิดหนึ่งที่แม้จะเชื่อกันว่าช่วยปกป้องคุ้มภัย แต่กลับไม่ค่อยนำมาเข้าตัวเรือนเป็นเครื่องประดับเรือนกาย

กำลังพูดถึง “โป่งข่าม” หินแก้วตระกูลแร่ควอตซ์ (Quartz) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “แร่เขี้ยวหนุมาน” ค่าความแข็งอยู่ที่อันดับ 7 (เพชรอยู่อันดับ 10) ลักษณะมีความโปร่งใสจนถึงทึบแสง พบมากที่ อ.เถิน จ.ลำปาง

Advertisement

ไพบูรย์ ปุริโส นักออกแบบเครื่องประดับ มีดีกรีเป็นอดีตแชมป์ออกแบบเครื่องประดับในการประกวดออกแบบเครื่องประดับของกระทรวงพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้ใหลหลงในเสน่ห์ของหินโป่งข่าม อธิบายให้ฟังถึง “หินโป่งข่าม” เป็นอัญมณีศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของคนเถินมานาน เชื่อกันว่าช่วยคุ้มภัย ให้คุณในทางที่ดี เมื่อก่อนผู้ครอบครองมีเพียงเจ้านาย มาเป็นที่นิยมมากขึ้นหลังจากมีการขุดพบหินโป่งข่ามยักษ์น้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม เมื่อปี พ.ศ.2545

ไพบูรย์ ปุริโส

แม้ว่าจะได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐให้นำมาเจียระไนเป็นเครื่องประดับกันอย่างแพร่หลายระยะหนึ่ง แต่ความนิยมยังไม่ค่อยเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนเท่าใดนัก เนื่องจากในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบสวมใส่อัญมณียังคงนิยมประเภทหินสีสดใส พลอยสีต่างๆ แม้ปัจจุบันพลอยจะหายากขึ้นก็ตาม และส่วนใหญ่พลอยทุกวันนี้จะนำเข้าจากต่างประเทศสีสันก็ไม่ได้สวยงามนัก

ความที่เป็นนักสะสมหินโป่งข่ามมานาน และอยู่ในแวดวงจิวเวลรี่ดีไซน์มาตลอด มองว่าแม้โป่งข่ามจะเป็นหินสีใส ไม่ดึงดูดตาเหมือนหินสี อย่างสีแดงของทับทิมหรือบลูแซฟไฟร์ของไพลิน แต่ถ้านำเอางานดีไซน์เข้าไปจับ น่าจะทำให้หินสีใสนี้มีความน่าสนใจไม่ต่างจากงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ที่สามารถเสริมบุคลิกของของผู้สวมใส่ได้ด้วย

Advertisement

ราคาไม่แรง แต่แพงที่สรรพคุณ

ความที่หินโป่งข่ามมีด้วยกันถึง 9 ชนิด แล้วยังมีรายละเอียดยิบย่อยลงไปอีก อย่าง “แก้วเข้าแก้ว” หรือคนโบราณเรียกว่า “แก้วเจตสิก” ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่นักสะสมโป่งข่าม ราคาก็ค่อนข้างสูงกว่าโปงข่ามชนิดอื่น และเป็นแก้วที่หาได้ยาก ถ้าส่องเข้าไปในเนื้อแก้วจะเห็นหน่อแก้วลิ่มเล็กๆ อาจจะลิ่มเดียวหรือเป็นกลุ่ม งอกขึ้นอยู่ภายในหน่อแก้วใหญ่

เชื่อกันว่า หากผู้ที่ได้ครอบครองปฏิบัติดีต่อแก้ว จะให้คุณทางด้าน อำนาจ, วาสนา, เสริมบารมี จึงมีผู้นิยมสะสมในกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ได้ขึ้นตัวเรือนสวมใส่ บ้างก็ขึ้นหิ้งบูชา

“หินโป่งข่ามจะเจียรเป็นเม็ดไว้ สาเหตุเพราะค่าแรงช่างแพง และหินโป่งข่ามไม่ได้มีราคา ไม่คุ้มกับการจ้างช่าง ไม่เหมือนพลอยที่ซื้อมาเม็ดละเป็นพันบาท หินโป่งข่ามเม็ดละ 200-300 บาท ถ้าเม็ดแพงราคาเป็นหมื่นบาทก็มี แต่คนไม่ค่อยรู้จักเพราะสีมันใสๆ ต้องศึกษาในระดับหนึ่ง และมีเกือบ 10 ชนิด” ไพบูรย์บอก และว่า

“ผมมีโป่งข่ามเยอะ อยากให้คนเห็น คือจริงๆ เป็นหินที่มีตำนานอยู่กับคนไทยมานาน แต่ไม่ค่อยมีใครเห็นค่า ส่วนใหญ่มาวางขายเป็นเม็ดๆ คนซื้อก็ซื้อไปเก็บไว้ บางคนก็เอาติดตามหิ้งพระไว้บูชา และไม่ค่อยมีใครเอามาสวมใส่ เพราะมันดูไม่สะดุดตาเหมือนอย่าง ‘ไหมทอง’ มาทำเป็นสร้อยข้อมือบ้าง จึงหยิบเอาโป่งขามซึ่งเป็นหินขึ้นชื่อของบ้านเรา มาออกแบบในสไตล์บาหลี นำเสนอเป็นคอลเล็กชั่นเด่นของปีนี้ โดยตัวเรือนทำจากเงินแท้ 92.5% รูปแบบจะเน้นใส่ลวดลายที่ตัวเรือนให้ทันสมัยและเป็นที่นิยมสวมใส่ได้ทั้งคนไทยและต่างประเทศ”

ถ้าพูดถึงความนิยมของจิวเวลรี่ดีไซน์ในปัจจุบัน ไพบูรย์บอกว่า ที่อเมริกากำลังนิยมสไตล์บาหลี เป็นแนวจอห์น ฮาร์ดี้, จูดิธ แจ็ค หรือเดวิท เจอร์แมน ที่ออกแอนทีค อย่างที่เมื่อก่อนจะเห็นเป็นแบบลวดสะลิง เช่นเดียวกับที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นอีกตลาดที่ไพบูรย์รับออเดอร์ทำส่งเป็นประจำ

“ส่วนใหญ่ผมจะเน้นแนวธรรมชาติ ออกแบบให้ดูกลมกลืนกับหินแก้วโป่งข่ามที่สุด เพื่อชิ้นงานจะได้ออกมาให้ความรู้สึกถึงการสัมผัสใกล้ชิดกับหินแก้วโป่งข่ามกับธรรมชาติตลอดเวลา และยังให้คุณค่าทางด้านจิตใจช่วยคุ้มครองนำพาความโชคดีต่างๆ แก่ผู้สวมใส่”

ดูชัดๆ อีกงานดีไซน์แหวนโป่งข่ามอิงรูปแบบธรรมชาติ

งานศิลป์ในเนื้อแก้ว
ความสุขของนักสะสม

สำหรับการคัดสรรหินโป่งข่ามมาเข้าตัวเรือนนั้น ไพบูรย์บอกว่าอยู่ที่ความชอบ ความนิยมของแต่ละคน

“หินโป่งข่ามเหมือนงานศิลปะที่เหมือนมีคนเอาอะไรไปเพนต์ข้างในหิน เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิต บางทีมีใบไม้ข้างใน มันเป็นการตกผลึกของธรรมชาติอยู่ข้างใน น่าจะเกิดจากการก่อตัวของหิน เช่น กระบวนการของไม้กลายเป็นหิน

“จริงๆ แล้วหินสีชนิดต่างๆ ที่เราเห็นก็มีต้นกำเนิดมาจากหินใส เช่น คาลซิโดนี ซึ่งเป็นหินสีเขียว ต้นกำเนิดก็มาจากหินใสแต่อยู่มาหลายพันปีก็มีสีต่างๆ ขึ้นมา ดังนั้น การหาเม็ดที่มีลายต่างๆ ก็เหมือนการหาชิ้นงานศิลปะ ถ้าส่องดีๆ รู้สึกเหมือนมีสวน มีป่า มีต้นไม้อยู่ในหิน เรียกว่าขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคน คนที่ชอบโป่งข่ามจะหยิบมานั่งส่องได้ทั้งวัน” อธิบายด้วยนัยน์ตาวาวและว่า

ผมเป็นคนที่ชื่นชมความเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติในหิน แล้วเอามาเข้ากับการดีไซน์ที่เป็นกึ่งธรรมชาติจะดูแล้วกลมกลืนกับความเป็นหินที่เกิดกับธรรมชาติ แม้กระทั่งตัวเรือนผมก็จะอิงธรรมชาติให้มันเป็นดอกไม้บ้าง เป็นปะการัง เวลาคนสวมใส่จะเหมือนได้สัมผัสกับธรรมชาติ โดยจะจัดวางให้หัวแหวนหนุนที่นิ้วมือด้วย เพื่อว่าเวลาที่สวมใส่หินจะสัมผัสกับเนื้อเรา ให้ความรู้สึกร่มเย็น สบาย เหมือนได้สัมผัสกับหินตลอดเวลา

สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนั้น จิวเวลรี่ดีไซเนอร์คนเก่งบอกว่า ถ้าในบ้านเราจะเป็นผู้ชายที่พิถีพิถันในการแต่งตัว ถ้าเป็นผู้หญิงอย่างที่โมร็อกโกจะเป็นกลุ่มที่นิยมใส่สร้อยเส้นใหญ่ๆ แต่งตัวเยอะนิดนึง

“ลูกค้าของผมจะชอบงานดีไซน์ เพราะผมจะดีไซน์ขึ้นมาชิ้นเดียวในโลก สังเกตว่างานของผมมีแค่ไม่กี่ชิ้น เพราะหินมาเม็ดเดียวแล้วที่ได้มามีขนาดนิดเดียว ฉะนั้นจะออกแบบมาอย่างมากไม่เกิน 5 ชิ้น เพราะเม็ดหนึ่งต้องขึ้นโมลด์ 1 โมลด์เลย แล้วช่างที่เก่งๆ เอามาเซตติ้งแบบนี้ไม่ค่อยมีแล้ว ผมเป็นดีไซเนอร์แต่มาทำโมลด์เอง เพราะทำแล้วไม่ได้ดังใจก็เลยทำเอง เอามาทำให้สวมใส่ได้ทั้งคนไทยและต่างประเทศ” ไพบูรย์บอก

สำหรับคอลเล็กชั่นนี้เป็นความตั้งใจจริงๆ อยากนำเสนอเป็นงานดีไซน์ โดยใช้หินบ้านเรา อย่างน้อยตอนนี้พลอยหรือหินแท้หายาก หินโป่งข่ามอาจมาชดเชยได้

“แก้วพิรุณแสนห่า” อีกชนิดของโป่งข่าม เชื่อว่าจะคุ้มครองให้แคล้วคลาด นำความเจริญ พลิกฟื้นชะตาให้ดีขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image