ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร |
เผยแพร่ |
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของมาเก๊าที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของคนไทยคือเมืองที่มากมายด้วย “กาสิโน” ตระการตาด้วยแสงไฟระยับยามค่ำคืน ธุรกิจดังกล่าวนำพาซึ่งเม็ดเงินมหาศาลมาสู่ดินแดนแห่งนี้
ทว่า นั่นไม่ใช่แค่ความน่าสนใจของที่นี่ พื้นที่เล็กๆ ซึ่งมีประชากรไม่ถึงล้านคน แต่มากมายด้วยโอกาสและความพยายามในการพัฒนาไปสู่ความก้าวหน้าด้านอื่นๆ นอกเหนือจากกาสิโน ภายใต้คำว่า “เขตปกครองพิเศษ” ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเช่นเดียวกับฮ่องกง โดยในวันนี้มาเก๊าเป็นเมืองเสรีทางการค้าและการเงิน ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูง
“หนึ่งประเทศ สองระบบ” คือ หลักการบริหารงานของมาเก๊า ซึ่งมีทั้งคนมาเก๊า ปกครองมาเก๊า และรัฐบาลจีนให้สวัสดิการและสนับสนุนในด้านต่างๆ ส่งผลถึงการเติบโตด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้า รัฐบาลจีนเปิดเผยถึงแผนการจัดตั้ง เขตกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า เกรทเทอร์ เบย์ แอเรีย ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งใหม่ อันประกอบด้วย กวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า กว่างโจว เซินเจิ้น จูไห่ ฟอชาน ฮุยโจว ตงกวน ซองชาน เจียงเหมิน และเจ้าฉิง คาดหวังผลักดันความรุ่งเรื่อง ทันสมัย ภายใน พ.ศ.2565
หันมามองความร่วมมือกับบ้านเรา ชุย ไซ ออน (Mr.Chui Sai On) ผู้บริหารสูงสุดของมาเก๊า เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อกลางปีที่ผ่านมา เพื่อกระชับสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ในวันเดียวกัน ยังมีการเซ็นเอ็มโอยู 2 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจเพื่อการสถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับมาเก๊า 2.บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับสถาบันส่งเสริมการลงทุนและการค้าของมาเก๊า
สำหรับภาคประชาชน คนมาเก๊ารู้จักประเทศไทยและสินค้าไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “ข้าวหอมมะลิ” และผลไม้เขตร้อน ส่วนคนไทยก็แวะเวียนถือพาสปอร์ตไปประทับตราในฐานะนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งในกว่า 10 ล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก โดยสามารถข้ามจาก “ฮ่องกง” เมืองยอดฮิตสำหรับนักกินนักช้อปชาวไทยแลนด์ไปยังมาเก๊าด้วย “สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า” สะพานข้ามทะเลที่มีระยะทางยาวไกลที่สุดที่โลกนี้เคยมี ด้วยสถิติ 55 กิโลเมตร เชื่อมเกาะฮ่องกง มาเก๊า และจูไห่ บนแผ่นดินใหญ่ของจีนบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ช่วยย่นเวลาการเดินทางลง เพิ่มทางเลือกและความสะดวกสบายที่มีทิวทัศน์งดงามข้างหน้าต่างเป็นกำไรให้เก็บเกี่ยว
ความล้ำสมัยและสีสันของมาเก๊าในวันนี้ ชวนให้ย้อนจินตนาการถึงอดีตอันไกลโพ้นของมาเก๊า ที่กว่าจะเดินทางผ่านกาลเวลาและเรื่องราวมากมายมาจนถึงวันนี้ มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นชุมชนชาวประมงที่มีผู้คนจากมณฑลฝูเจี้ยนและชาวนาจากมณฑลกวางตุ้งเข้ามาตั้งรกรากอยู่อาศัยและทำมาหากินเลี้ยงชีพ เดิมถูกเรียกว่า “โอหมูน” แปลว่า “ประตูแห่งการค้าขาย” ด้วยโลเกชั่นที่ตั้งอยู่บนปากแม่น้ำจูเจียง ซึ่งหมายถึงไข่มุก ทางตอนใต้ของมณฑลกวางเจา ในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมซึ่งที่นี่เคยมีเรือบรรทุกไหมส่งไปยังดินแดนแสนไกลอย่างกรุงโรม
เมื่อเวลาผ่านไป แม้กระทั่งในยุคที่จีนไม่ได้เป็นศูนย์กลางการค้าของโลกอีกต่อไป แต่กวางเจายังคงร่ำรวยจากการค้าทางทะเลกับประเทศในแถบอุษาคเนย์ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนท้องถิ่นจึงยังเปิดประตูต้อนรับพ่อค้าและนักสำรวจชาวโปรตุเกสซึ่งเดินทางตามรอยทางของ จอร์จ อัลวาเรส ซึ่งขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของจีนใน ค.ศ.1513 หรือ พ.ศ.2056 หากเทียบกับห้วงเวลาของประวัติศาสตร์ไทย ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยา
อีกราว 4 ทศวรรษต่อมา ชาวโปรตุเกสเดินทางมาโอหมูน ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกว่า “อาม่าเก๊า” แปลว่า “สถานที่ของอาม่า” เพื่อเป็นเกียรติกับเทพธิดาแห่งชาวเรือซึ่งมีวัดตั้งอยู่บริเวณทางเข้าท่าเรือ เมื่อชาวโปรตุเกสเรียกชื่อนี้ตามชาวบ้าน ก็ค่อยเปลี่ยนเป็น “มาเก๊า” พัฒนาเป็นคลังสินค้าสำหรับธุรกิจระหว่างจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และยุโรปในอดีต
เมื่อยุคทองของโปรตุเกสในทวีปเอเชียค่อยๆ เจือจางลงไป ในขณะที่คู่แข่งเช่นชาวดัตช์และชาวอังกฤษเข้ามายึดการค้าขายของชาวโปรตุเกส อย่างไรก็ตาม ชาวจีนยังคงเลือกที่จะทำธุรกิจผ่านชาวโปรตุเกสในมาเก๊า บริษัท British East India และอื่นๆ เข้ามาก่อตั้งร้านรวงเป็นระยะเวลานานกว่าศตวรรษ ในขณะที่การค้าของยุโรปกับจีนเติบโต พ่อค้าชาวยุโรปใช้ชีวิตอยู่ในกวางเจา ซื้อใบชาและของฟุ่มเฟือยของชาวจีนที่งานแฟร์ซึ่งจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยใช้มาเก๊าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
ในยุคหลังสงครามฝิ่นใน ค.ศ.1841 อังกฤษเข้าปกครองฮ่องกง พ่อค้าต่างชาติส่วนใหญ่ย้ายออกไปจากมาเก๊า ผู้คนยังคงใช้ชีวิต ประวัติศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไปกระทั่งเข้าสู่ยุคที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรม อย่างสิ่งทอ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และของเล่น กระทั่งเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับโลกในฐานะเมืองแห่งความบันเทิงเริงใจ มากมายด้วยโรงแรมหรู รีสอร์ตชั้นเยี่ยม บ่อนกาสิโนระดับต่างๆ ให้เลือกสรรตามชอบใจ ตึกรามบ้านช่อง อาคาร สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ผุดขึ้นอย่างมากมาย บนพื้นที่ที่ได้จากการถมทะเลเพิ่มเติม
มาเก๊ากลายเป็นชุมทางที่บรรจบระหว่างสองวัฒนธรรมสองซีกโลก ในประวัติศาสตร์ยาวนานของการถูกปกครองโดยโปรตุเกส ความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้หลอมรวมผสมผสานกลายเป็นความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม ยากจะเลียนแบบ ทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้แทบทุกอณูของพื้นที่ อาทิ โบสถ์เซนต์ปอล ซึ่งวันนี้เหลือเพียงซากประตู แต่นั่นยิ่งกลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผู้คนมาเช็กอินมากมายในวันนี้ ยังมีป้อมปราการในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ย่านเมืองเก่าของชาวจีนที่เคยเป็นฉากในภาพยนตร์ดังระดับฮอลลีวู้ด รวมถึงหนังเท่ๆ เหงาๆ และเดียวดายอย่างไม่โรแมนติกของผู้กำกับคนดังแห่งเอเชีย “หว่อง กาไว” ผู้หลงใหลในความพิเศษของมาเก๊า
แม้ล่าสุดในปีนี้มีข่าวว่ามาเก๊าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่หอบเงินเข้าไปใช้จ่ายจะลดลงถึงขั้นรายได้ต่ำสุดในรอบ 3 ปี แต่การเดินหน้าแผนงานเศรษฐกิจระยะยาวในโครงการใหญ่ๆ ยังดำเนินต่อไป โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น การพัฒนานับจากนี้ไปสู่อนาคตภายใต้การปกครองด้วยคนมาเก๊าเองและการดูแลผลักดันของรัฐบาลจีน ยังเป็นเรื่องชวนติดตาม
อ้างอิงข้อมูลส่วนหนึ่งจาก
-กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
-กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ
-สำนักงานการท่องเที่ยวของรัฐบาลมาเก๊า