อีก 50 ปี ‘เอไอ’ จะทำงานแทนมนุษย์? ธรรมศาสตร์เร่งปั้น ‘คนนวัตกรรม’

“เชื่อว่าอีกประมาณ 50-60 ปี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ได้ หรือที่เรียกว่า Artificial General Intelligence (AGI) และอาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 80 ปี กว่า AI จะเก่งกาจกว่ามนุษย์ หรือที่เรียกว่า Artificial Super Intelligence (ASI) อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันมนุษย์จะยังคงมีงานอยู่ แต่เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเป็นรากฐานสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เราจำเป็นจะต้องฝึกฝนสร้างคนนวัตกรรมที่พัฒนาไปกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

“ประเทศไทยต้องพยายามสร้างคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องใน Supply Chain ด้านนวัตกรรมให้ได้มากขึ้น เพราะการที่จะทำให้นวัตกรรมเกิดขึ้นและสามารถใช้งานได้จริง จำเป็นต้องมีคนหลายภาคส่วนเข้ามาร่วมในกระบวนการ”

คือคำกล่าวของ ศ.ดร.ธนารักษ์ ธีระมั่นคง นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) และราชบัณฑิต ในฐานะอาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างงานแถลงข่าว “SIIT มอบ 100 ทุน ปั้นคนนวัตกรรม ผู้นำความเปลี่ยนแปลง” เมื่อไม่นานมานี้

ดังนั้น แม่ในปัจจุบันมนุษย์จะยังคงมีงานอยู่ แต่เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเป็นรากฐานสำคัญที่ขาดไม่ได้ จึงจำเป็นจะต้องฝึกฝนสร้างคนนวัตกรรมที่พัฒนาไปกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

Advertisement

ด้าน ศ.ดร.พฤทธา ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรนธรอธิบายเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างของนวัตกรรมที่เห็นได้ชัดในช่วงโควิด-19 คือการคิดค้นและผลิตวัคซีนป้องกันโรค ที่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น จากปกติที่ต้องใช้เวลานานหลายปี โดยวัคซีนที่ใช้กันอยู่นั้นตั้งต้นมาจากองค์ความรู้จากงานวิจัยเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น โรคซาร์ส (SARS) และโรคเมอร์ส (MERS) เช่นเดียวกับภาคนโยบายที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการอนุมัติให้รวดเร็วขึ้น โดยยังรักษาความปลอดภัยไว้ในระดับที่ยอมรับได้ ทำให้การแก้ไขวิกฤตการณ์สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

“การเรียนการสอนที่เน้นให้ความรู้อย่างเดียวจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะองค์ความรู้เหล่านั้นสุดท้ายก็จะเก่าและหมดอายุได้ ดังนั้นบทบาทของภาคการศึกษา คือการมอบชุดความรู้ที่ใหม่ที่สุดในวันนี้ให้นักศึกษา แต่สิ่งสำคัญกว่านั้น คือการมอบความสามารถในการปรับตัวและเปลี่ยนแปลง เพื่อไปทดแทนชุดความรู้ที่จะหมดอายุในอนาคต

โจทย์สำคัญคือการสร้างคนนวัตกรรม ที่จะต้องมีคุณสมบัติ 3 อย่าง คือ 1.มีความรู้ดี 2.มีความสามารถในการแก้ปัญหา 3.มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งการเรียนการสอนของ SIIT จะให้ความสำคัญต่อการฝึกฝนแก้ปัญหาของนักศึกษา โดยจัดให้มีการเรียนการสอนแบบ Problem-based learning และ Active learning เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้โอกาสนักศึกษาได้แก้ปัญหาจริง ผ่านการฝึกงาน โครงงานนักศึกษา และโครงการวิจัยของอาจารย์ เพื่อสร้างบุคคลที่มีคุณสมบัติของคนนวัตกรรม และเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศต่อไป” ศ.ดร.พฤทธากล่าว

Advertisement

รศ.ดร.วารี กงประเวชนนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายรับเข้าศึกษาและประชาสัมพันธ์ SIIT กล่าวว่า SIIT นั้นมีเครือข่ายและความร่วมมือทั้งในภาคอุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยหลักสูตรที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ส่งผลสะท้อนผ่านตัวเลขบัณฑิตจบใหม่ของ SIIT ที่ได้รับการจ้างงานในสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยเสมอมา

“ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่อาจสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจจึงนับเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักเรียนผู้ที่สนใจเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และการจัดการของ SIIT เนื่องจากขณะนี้ทางสถาบันได้เปิดโครงการสอบชิงทุนสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเลิศ (OSP) ปีการศึกษา 2565 ด้วยรูปแบบทุนหลากหลายประเภท ที่ในปีนี้มีการมอบให้มากถึง 100 ทุน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของ SIITเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในสร้างสรรค์คนนวัตกรรม ที่จะมีส่วนในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงประเทศต่อไป”

ดูรายละเอียดและสมัครออนไลน์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 ต.ค. 2564 ทางเว็บไซต์ admissions.siit.tu.ac.th

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image