ความหวังผู้บกพร่องทางการสื่อสาร ‘นักเวชศาสตร์สื่อความหมาย’ ทั้งประเทศมีแค่ 400 คน

รามาธิบดีเปิดหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาความผิดปกติของ การสื่อความหมายเป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย

382,615 คน

คือจำนวนผู้พิการทางการได้ยินและสื่อความหมายในไทย

แต่ทราบหรือไม่ว่ามีโรงเรียนแพทย์เพียงแห่งเดียวในประเทศที่เปิดสอนภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อความหมายและความผิดปกติของการสื่อความหมาย นั่นคือ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

กว่า 45 ปีที่ผ่านมามุ่งเน้นการสร้าง ‘นักเวชศาสตร์สื่อความหมาย’ หรือนักแก้ไขการพูดและการได้ยิน ผู้เป็นฟันเฟืองสำคัญของการฟื้นฟูผู้บกพร่องทางการสื่อสารให้สามารถสื่อสารได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันทั้งประเทศมีนักเวชศาสตร์สื่อความหมายเพียง 400 คน ขณะที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมีคนไข้ในด้านดังกล่าวเดินทางเข้ารับการรักษากว่า 28,000 ครั้งต่อปี เนื่องจากคนไข้ที่มีปัญหา ด้านการสื่อสารจำเป็นต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน สัดส่วนของกลุ่มผู้ป่วย แบ่งเป็น ร้อยละ 56.90 คือผู้ที่มีพัฒนาการทางภาษาและการพูดล่าช้าทุกประเภท เช่น กลุ่มอาการออทิสติก ประสาทหูพิการ กลุ่มเรียนรู้บกพร่องเป็นต้น ซึ่งพบได้ในวัยตั้งแต่ 1 ปี 6 เดือน จนถึงอายุ 30 ปี ที่เหลือเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่เสียความสามารถด้านการสื่อความเนื่องจากภาวะผิดปกติของระบบในสมอง ซึ่งพบได้ตั้งแต่อายุ 40-80 ปี

Advertisement

อาจารย์ ดร.นิตยา เกษมโกสินทร์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อความหมายและความผิดปกติของการสื่อความหมาย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า หน้าที่ของนักแก้ไขการพูดจะครอบคลุมการดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่การตรวจเพื่อประเมินการให้คำแนะนำ การวางแผนการบำบัดรักษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาด้านภาษา และการพูด ซึ่งมีอยู่หลากหลายกลุ่มพัฒนาการภาษาและการพูดล่าช้า ได้แก่ กลุ่มที่เป็นออทิสติก กลุ่มที่สูญเสียการได้ยินเสียงผิดปกติ รวมถึงกลุ่มผู้ที่มีปัญหาด้านการกลืนผิดปกติ ในส่วนของนักแก้ไขการได้ยินก็จะทำหน้าที่หลักๆ ในการดูแลเรื่องของการใส่เครื่องช่วยฟังการฟื้นฟูการฟัง โดยทั้งหมดนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อาจารย์ ดร.นิตยา เกษมโกสินทร์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อความหมายและความผิดปกติของการสื่อความหมาย

“เป็นเวลากว่า 45 ปีแล้ว ที่รามาธิบดีเปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาความผิดปกติของการสื่อความหมายขึ้นเป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ย้อนกลับไปช่วงเริ่มต้นทางคณะได้จัดตั้งหลักสูตรนี้เพื่อสอนในระดับปริญญาโทก่อนเมื่อปี 2519 และต่อมาเมื่อบุคลากรที่จบเฉพาะด้านนี้เริ่มขาดแคลนทางรามาธิบดี จึงเริ่มขยายหลักสูตรมาสอนในระดับปริญญาตรีเพิ่มเติมด้วยเมื่อปี 2548 เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีความบกพร่องทางการสื่อความหมายในประเทศไทยที่มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ที่มาเรียนต่อสาขานี้มีหลากหลาย ทั้งแพทย์ นักจิตวิทยา นักภาษาศาสตร์ แต่กลุ่มที่มีมากที่สุดคือกลุ่มพยาบาล ส่วนระดับปริญญาตรีทางหลักสูตรจะเปิดรับปีละ 30 คน เมื่อเรียนไปนักศึกษาก็จะสามารถเลือกสาขาที่ตนเองสนใจเพื่อเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้นซึ่งมี 2 สาขาคือ สาขาการแก้ไขการพูด และสาขาการแก้ไขการได้ยิน

แม้ว่าจะมีการขยายหลักสูตรมาสอนในระดับปริญญาตรีแล้วก็ตาม แต่ในปัจจุบันอาชีพนักเวชศาสตร์สื่อความหมายยังคงเป็นที่ต้องการในระบบสาธารณสุขในทุกๆ ปี ในขณะเดียวกันแนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็มีมากขึ้น ดังนั้นรามาธิบดีจึงเป็นสถานที่ผลิตบุคลากรที่จบออกไป เพื่อช่วยเหลือคนไข้ที่มีปัญหาดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้ได้มีการกระจายอยู่ตามที่โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ” อ.ดร.นิตยากล่าว

Advertisement

สำหรับสถานการณ์โควิดที่ต่อเนื่องนานนับปี กระทั่งมีระลอกที่ 5 เป็นมรสุมล่าสุดกับสายพันธุ์โอมิครอน

อ.ดร.นิตยาย้อนเล่าว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมาทางภาควิชาต้องปรับตัวมากทั้งนักศึกษาและอาจารย์ แต่เราพยายามถ่ายทอดความรู้และฝึกให้นักศึกษามีประสบการณ์มากที่สุดก่อนที่จะเรียนจบออกไป เพราะจุดประสงค์คือ การผลิตนักเวชศาสตร์สื่อความหมายที่มีคุณภาพ เพื่อดูแลผู้ป่วยที่ยังรอโอกาสได้เข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมากในสังคม ทุกวันนี้เวลาที่เห็นผู้ป่วยที่มารักษากับเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น ดูแลตัวเองได้ สามารถสื่อสารกับคนรอบข้างได้มากขึ้น ถือว่าบรรลุเป้าหมายสูงสุด เพราะเป้าหมายที่นักเวชศาสตร์สื่อความหมายมีร่วมกันคือ การได้เห็นผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองและใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ

น้องดีและครอบครัวพูนสิน

คุณแม่ฝน พูนสิน ผู้เผชิญความทุกข์ใจจากความผิดปกติของ ‘น้องดี’ เด็กหญิงปุณิกา ลูกสาวซึ่งตนได้รับรู้ถึงความผิดปกติของลูกตั้งแต่อายุ 2 เดือน เพราะไม่หันตามเสียงเรียก ไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวไม่ได้นิ่งนอนใจ พาไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในตอนนั้นคุณหมอแจ้งว่าปกติดีทุกอย่าง จึงได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้จนเวลาล่วงเลยมา เมื่อน้องดีอายุ 2 ขวบ อาการผิดปกติเริ่มชัดเจนขึ้น จากที่ไม่ได้ยิน ยังไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ จึงตัดสินใจพามาตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้รู้ว่าน้องดีสูญเสียการได้ยินตั้งแต่กำเนิด

“พอได้ฟังปุ๊บ คำถามแรกคือ ทำไมต้องเกิดขึ้นกับลูกสาวด้วย ช่วงนั้นยอมรับว่าท้อและเสียใจมาก จึงได้รวบรวมสติ กำลังใจจากคนรอบข้างดูแลน้องดียอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น” แม่ฝนเล่า

หลังจากนั้น ยังมีมรสุมลูกใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่ออายุได้ 4 ขวบ ทั้ง 2 ข้างดับสนิทหลังป่วยเป็นโรคหวัด ต้องรับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม ที่สามารถช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินในระดับรุนแรงสามารถกลับมาได้ยินได้อีกครั้ง ปัจจุบันน้องดีอายุ 10 ขวบ ยังคงเข้ารับรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มีชีวิตที่สดใสท่ามกลางความรัก กำลังใจของครอบครัว ครูอาจารย์ เพื่อนๆ ชั้น ป.4 กับความฝันที่อยากจะเป็นคุณหมอ ช่วยเหลือคนไข้

อย่างที่ได้รับโอกาสที่ดีจากทีมบุคลากรทางการแพทย์ของรามาธิบดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image