มาตามนัดเช่นเคยสำหรับการจัดงานแสดงสินค้าฝีมือคนไทยส่งท้ายปี “OTOP CITY 2017” ที่จัดโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 ภายใต้แนวคิด “ของขวัญจากภูมิปัญญา ประชารัฐ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้”
แน่นอนว่างานโอท็อปทั้งที ก็ต้องมีทัพสินค้าจากทั่วทุกภูมิภาค เหนือ ใต้ ออก ตก พาเหรดมาให้เลือกสรร ช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ เหมาะเป็นทั้งของวัญ ของฝาก
โดยทัพสินค้าภายในงานแบ่งออกเป็น 12 โซนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโซน “OTOP Brand name” ขนทัพกระเป๋าแบรนด์เนมมาให้เลือกมากกว่า 10 แบรนด์ โซน “Young OTOP” ที่นำผลิตภัณฑ์ฝีมือเยาวชนคนรุ่นใหม่ และโซนยอดฮิต “OTOP ชวนชิม” ที่รวบรวมอาหารขึ้นชื่อทั่วประเทศมาจำหน่าย
แต่ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะถือได้ว่าเป็นไฮไลต์ของการจัดงานในครั้งนี้คือ โซน “OTOP Masterpiece”
โซนที่รวบรวมผลิตภัณฑ์จากศิลปินมากฝีมือ เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเพียง “ชิ้นเดียวในโลก”
ครั้งนี้อัดเเน่นด้วยผลงานคุณภาพ อย่าง โถพลูเบญจรงค์ลายทอง โดยคุณแบงก์ชาติ บัวชมพู และสร้อยคอมณีนพรัตน์ เป็นการทำทองรูปพรรณเลียนแบบเครื่องประดับทองสมัยโบราณ ซึ่งใช้สำหรับราชวงศ์ เจ้านายชนชั้นสูง ทำจากทองคำบริสุทธิ์ 99.99% จากบ้านทองสมสมัย จังหวัดสุโขทัย
และที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมในงาน แวะเวียนมาเก็บภาพกันตลอดทั้งวัน ยกให้ 3 ผลิตภัณฑ์ทีเด็ดจากศิลปิน Masterpiece ที่พร้อมใจกันนำมาเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้
เริ่มต้นด้วยผลงาน “เรือรบ HMS Royal William” จากเชวงเรือโบราณ ฝีมือศิลปิน “เชวง โล่ห์เจริญสุขเกษม” นักสร้างสรรค์ผลงานจากแรงบันดาลใจของการเป็นเด็กใต้สุดแดนสยาม ชอบค้นคว้าประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของมหาอำนาจกองเรือที่สุดอลังการ จึงเกิดเป็นความหลงใหลรูปแบบเรือสุดคลาสสิก
นำมาสู่ผลงานชิ้นเอก “เรือรบหลวง HMS Royal William”
คุณเชวงเล่าว่า เรือรบโบราณนี้ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1672 เดิมชื่อ ร.ล.ปรินซ์ และเป็นเรือธงของยุคแห่งยอร์ก ต่อสู้กับนายพลเดอ Ruyter จาก HNLMS De Zeven Provincien ในสงครามเวียดนาม-เนเธอร์แลนด์ ครั้งที่สาม ร.ล.ปรินซ์ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.1692 ก่อนที่สงครามของกลุ่มแกรนด์กรุ๊ปจะรื้อออก และเปลี่ยนชื่อเป็น HMS Royal William สำหรับกษัตริย์วิลเลียมที่ 3 เรียกได้ว่าประวัติความเป็นมาที่สำคัญของโลก จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจในการทำผลงานชิ้นนี้ จำลองเรือไว้ในขนาดกว้าง 250 เซนติเมตร ยาว 550 เซนติเมตร สูง 450 เซนติเมตร สนนราคาขายอยู่ที่ 750,000 บาท
อีกผลงานที่อลังการไม่แพ้กัน ยกให้ “นางปลาบินชูปลาอานนท์” ของ “กลุ่มพุทธศิลป์แกะสลัก” จังหวัดเชียงใหม่
แต่กว่าจะสลักไม้ออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย “เทพชัย สุริยลักษณ์” ตัวแทนศิลปินทางกลุ่ม อธิบายว่า งานแกะสลักไม้ในลักษณะของการแกะสลักแบบลอยตัว จำเป็นจะต้องมีทักษะ ไม่ใช่แต่เฉพาะการแกะสลักลวดลายให้ละเอียดอ่อนช้อยเท่านั้น ยังต้องให้ความสำคัญในการจัดวางตำแหน่งชิ้นงานต่างๆ ให้เหมาะสมลงตัว แกะสลักสัดส่วนสรีระของนางปลาให้ถูกต้อง สมควรตามจริงมากที่สุด เพื่อเป็นการสร้างงานแกะสลักไม้ให้เป็นชิ้นงานที่มีคุณค่าสูงสุดของงานศิลปะของไทยในระดับ Masterpiece โดยงานชิ้นนี้ใช้ระยะเวลาสร้างสรรค์นานกว่า 9 เดือน สนนราคาขายอยู่ที่ 580,000 บาท
ปิดท้ายด้วยผลงานชิ้นโบแดงของ “อาจารย์พงษ์ลักษณ์ ศิลาดล” ที่ใช้เวลาทำนานกว่า 3 ปี ประเมินมูลค่าประมาณสิบล้านบาท ซึ่งที่มาของผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า “พุทธะ” เป็นเครื่องปั้นดินเผาศิลาดลสีหยก
อาจารย์พงษ์ลักษณ์บอกว่า ดินเผาที่นำมาทำผลงานชิ้นนี้ถูกคัดสรรมาจากดินที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี เป็นดินบนภูเขาสูง เมื่อนำมาเผาด้วยวิธีเฉพาะที่ศึกษามานานและชุบน้ำเคลือบ ทำให้เกิดเป็นศิลาดลที่มีอุณหภูมิเย็น โดย “พุทธะ” มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปทรงนูน 2 มิติ งานประณีตที่ใช้วิธีการต่อชิ้นดินเผาคล้ายจิ๊กซอว์ ทุกส่วนเข้ากันอย่างพอดิบพอดี
เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่จัดเเสดงในงาน “OTOP CITY 2017” เเต่ยังมีผลงานที่ทรงคุณค่าเเละน่าสนใจอีกมากมาย เหมาะเป็นทั้งของขวัญเเละของฝากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามานี้
“สำหรับผู้สนใจสามารถชมและสัมผัสด้วยตนเองได้แล้วตั้งเเต่วันนี้-25 ธันวาคม เวลา 10.00-21.00 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี”
