นางสุวรรณา จิวัฒนไพบูลย์ ผู้จัดการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีสุพรรณบุรี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เปิดเผยว่า สุพรรณบุรีเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปี จะมีข้าวใหม่ให้ได้รับประทานกัน อย่างไรก็ตามยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คือ แห้วอินทรีย์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้เห็นและไม่เคยได้รับประทานเพราะส่วนใหญ่ปลูกกันแบบใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งนายสามารถ หนูทอง เกษตรกรบ้านวังพลับใต้ ต.มดแดง อ.ศรีประจันต์ เป็นผู้ที่ปลูกแห้วอินทรีย์รายหนึ่งในจำนวนกว่าสิบราย
“ตอนนี้แห้วดังกล่าวสามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว ดังนั้นทางบริษัทประชารัฐฯและกลุ่มเกษตรกร จะเชิญนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี มาเป็นประธาน เปิดงานงมแห้วอินทรีย์ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ที่แปลงแห้วของนายสามารถ”นางสุวรรณาและว่า ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วม เกี่ยว งม ชม ชิม ช็อป ข้าวใหม่ที่หอมนุ่มและแห้วอินทรีย์ ในช่วงเช้าของวันกล่าวที่บ้านวังพลับใต้ ต.มดแดง อ.ศรีประจันต์
นางสุวรรณากล่าวด้วยว่า ปัจจุบันถือว่าการเพาะปลูกแห้วในต.วังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยเฉพาะที่อ.ศรีประจันต์ ปลูกมากสุดที่ ต.วังยางเกือบ3,000ไร่ รองลงมาต.มดแดง 2,000ไร่ และมีพื้นที่ใกล้เคียงที่ปลูกกันอีกบ้างคือ อ.เมืองและอ. สามชุก รวมเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 5,000ไร่ มูลค่าผลผลิตนับร้อยล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ในต.วังยางผลิตหัวพันธุ์แห้วเอง และมีการแลกเปลี่ยนหัวพันธุ์แห้วภายในชุมชน จากเดิมในยุคแรกมีการสั่งซื้อหัวพันธุ์แห้วจากประเทศจีน โดยทำเกษตรหมุนเวียนคือการใช้พื้นที่นาทำการปลูกพืชหมุนเวียนเปลี่ยนกันแบบไม่ซ้ำตามฤดูกาล เช่น ทำนาข้าว นาแห้วจีน นาเผือก และแปลงมันเทศ
