“เกาะสมุย” สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างขนานนามว่าเป็นแดน “สวรรค์กลางอ่าวไทย” มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยความงดงามของธรรมชาติ ทะเลสวย หาดเต็มไปด้วยทิวมะพร้าว
ตั้งแต่โบราณกาลนั้นเคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีทรัพยากรอย่างล้นเหลือให้ชุมชนได้พึ่งพิง ปัจจุบันกลายเป็นอัญมณีล้ำค่าในโลกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มีโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 600 แห่ง รับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นทุกปี สามารถสร้างรายได้เข้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีปีละประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 6 ของรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวทั้งประเทศ
ด้วยพื้นที่ค่อนข้างจำกัดประมาณ 250 ตร.กม. สภาพภูมิประเทศเป็นเกาะทำให้มีน้ำจืดในปริมาณที่จำกัด ประกอบกับสภาวะโลกร้อน ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เกาะสมุยจึงต้องเผชิญกับภัยแล้งรุนแรง น้ำในพรุที่เคยเป็นแหล่งกักเก็บตามธรรมชาติและเป็นแหล่งน้ำวัตถุดิบในการผลิตน้ำประปาเหือดแห้ง ผู้ประกอบการ ชุมชน ต้องแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาโดยการซื้อน้ำในราคาคิวละ 60-70 บาท ด้านการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ อาทิ ปรับปรุงขยายแหล่งน้ำดิบสำรองให้สามารถกักเก็บน้ำดิบได้มากขึ้น ควบคู่กับติดตั้งระบบผลิตน้ำแบบเคลื่อนที่ (Mobile Plant) ก่อสร้างระบบผลิตน้ำจืดจากทะเล (Reverse Osmosis : RO) รวมถึงเคยมีการนำน้ำประปาใส่รถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายประชาชนใน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างประหยัด ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายใต้แนวคิด “Save Water, You make it” “ประหยัดน้ำ คุณทำได้”
เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาดของประชาชน สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจและการท่องเที่ยวบนเกาะสมุยระยะยาว “การก่อสร้างระบบส่งน้ำจืดมายังเกาะสมุยด้วยเทคโนโลยีการขุดท่อลอดใต้ทะเล” จึงเกิดขึ้นในปี 2557 และขณะนี้การก่อสร้างดังกล่าวได้แล้วเสร็จ (ตามแผนดำเนินการ 2557-2561) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ กปภ. ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตที่สถานีผลิตน้ำบ้านนาทราย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำไปยังเขตพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผ่าน อ.ดอนสัก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 105 กิโลเมตร และเดินท่อส่งน้ำขนาด 800 มม. ลอดใต้ทะเลลึก 2 เมตร ความยาว 20 กิโลเมตร ต่อไปยังอ่าวพังกา อ.เกาะสมุย
พร้อมก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำหน้าเมือง วางท่อจ่ายน้ำบริการให้กับประชาชนบนเกาะสมุยอีก 14 กิโลเมตร ซึ่งวันนี้พร้อมแล้วที่จะจ่ายน้ำประปาอย่างเต็มระบบจากสถานีผลิตน้ำบ้านนาทราย กปภ.สาขาสุราษฎร์ธานี สู่สมุย โดยเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา กปภ. ได้มีพิธีเปิดส่งน้ำประปาผ่านลอดใต้ทะเลสู่สมุย อย่างเป็นทางการ และได้รับเกียรติจาก “พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ท่าเทียบเรือเกาะสมุย (หน้าทอน) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มั่นใจมีน้ำประปาใช้อย่างเพียงพอไปอีก 10 ปี สามารถรองรับผู้ใช้น้ำได้เพิ่มมากขึ้นอีกประมาณ 64,184 ครัวเรือน แยกเป็นพื้นที่จ่ายน้ำฝั่งสุราษฎร์ธานี 45,284 ครัวเรือนใน อ.พุนพิน อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก และพื้นที่จ่ายน้ำบน อ.เกาะสมุย 18,900 ครัวเรือน
“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เปิดเผยว่า โครงการส่งน้ำปะปาผ่านท่อลอดใต้ทะเล สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลตามนโยบายข้อ 6 ในการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และข้อ 3 ในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ซึ่งสร้างโอกาสให้ประชาชน 5 อำเภอตามแนวท่อ ได้เข้าถึงการบริการของรัฐ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีและอยู่ในสังคมที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ เมื่อมีน้ำลอดใต้ทะเลมาเสริมความมั่นคงแล้ว ต้องใช้น้ำอย่างคุ้มค่า และบำบัดน้ำเสียอย่างเป็นระบบด้วย จึงจะเกิดความยั่งยืน
ด้าน “นพรัตน์ เมธาวีกุลชัย” ผู้ว่าการ การประปาส่วนภูมิภาค กล่าวว่า ปัจจุบัน กปภ.สาขาสุราษฎร์ธานี มีกำลังผลิตรวม (โรงผลิต) 4,730 ลบ.ม./ชม. (113,520 ลบ.ม./วัน) ซึ่งสถานีผลิตน้ำบ้านนาทรายที่รับน้ำดิบมาจากแม่น้ำคลองพุมดวง ขณะนี้มีกำลังผลิตอยู่ที่ 2,000 ลบ.ม./ชม. (48,000 ลบ.ม./วัน) แบ่งจ่ายน้ำพื้นที่ฝั่งสุราษฎร์ธานี 1,000 ลบ.ม./ชม. และบน อ.เกาะสมุย 1,000 ลบ.ม./ชม. เมื่อโครงการส่งน้ำประปาผ่านท่อลอดใต้ทะเล เดิน เครื่องส่งน้ำประปาเต็มระบบ จะทำให้มีกำลังผลิตเพิ่ม เป็น 3,100 ลบ.ม./ชม. และสามารถผลิตน้ำได้เต็มกำลังที่ 4,000 ลบ.ม./ชม. นอกจากนี้ ประชาชนตลอดแนวเส้นท่อประปา ซึ่งประกอบด้วย อ.พุนพิน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก บางส่วนของ อ.ขนอม ยังจะได้มีน้ำสะอาดใช้เป็นจำนวนโดยประมาณ 65,580 ครัวเรือน อีกด้วย
“กปภ. ภูมิใจมีส่วนร่วมพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน เสริมความมั่นคงในด้านความต้องการใช้น้ำประปาให้กับชาวสมุย โครงการนี้ใช้เวลาประมาณ 5 ปี วางท่อส่งน้ำตั้งแต่บนฝั่ง จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านเนินเขา 3 ลูก ลอดใต้ทะเลมาสมุย เป็นท่อประปาที่ยาวที่สุดในไทย โดยภาพรวมเบื้องต้นของน้ำ 20% ที่ส่งมาสมุย ถือได้ว่ามีคุณภาพทัดเทียมบนฝั่ง ดื่มได้ และเพียงพอต่อนักท่องเที่ยววันละแสนคน”
แม้ว่าจะไม่มีฝนตกหรือมีน้ำดิบเข้ามาเพิ่มเติมพรุในพื้นที่ คาดว่าจะสามารถใช้ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร เช่น ปลูกมะพร้าว ทำสวนทุเรียน เพียงพอต่อการคาดการณ์ที่ว่า ในปี 2571 จะมีประชากรเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 90,394 คน
และมั่นใจได้ว่าแล้งนี้ไม่ขาดน้ำเหมือนปีที่ผ่านๆมา จะมีน้ำประปาเพียงพอและไม่กระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
