อรูบ้าเปิดตัว Experience Edge Platform ระบบเครือข่ายอัจฉริยะ ตอบโจทย์การใช้งานของทุกธุรกิจ

กรุงเทพมหานคร – อรูบ้า (Aruba) เปิดตัว Experience  Edge Platform โซลูชั่นที่สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยมบนระบบเครือข่าย ตอบโจทย์ความปลอดภัย ใช้งานง่าย และความเป็นระบบอัจฉริยะ รองรับการใช้งานได้ทุกธุรกิจ ทั้ง Smart Workplace, Smart School, Smart Retails ,Smart Hotel และ Smart Hospital เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าและพนักงานในองค์กร

Mark Verbloot ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมระบบแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของอรูบ้า หนึ่งในเครือบริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ส่งผลให้ระบบเครือข่ายมีความสำคัญมากขึ้นในการส่งมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้งานขององค์กร เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งอุปกรณ์พกพา มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการเปิดตัวอุปกรณ์ 4 Level Phone สู่ตลาด โดยอุปกรณ์ใหม่ๆ เหล่านี้จะต้องรองรับในเรื่องของปริมาณข้อมูลจำนวนมากขึ้น และมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากขึ้น

ขณะเดียวกันการใช้จ่ายด้านระบบ Cloud ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ช่วยผลักดันให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกับลูกค้า โดยใช้โซลูชั่นคลาวด์พัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2020 จะมีจำนวน IoT (Internet of Things) ถึง 20 พันล้านอุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจและผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้งานที่เปลี่ยนไปอรูบ้าจึงได้เปิดตัว Experience  Edge Platform โซลูชั่นที่ได้รับการพัฒนาให้มีความก้าวหน้า ซึ่งสามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยมในการใช้งานระบบเครือข่าย รองรับการใช้งานได้ทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Smart Workplace, Smart School, Smart Retails ,Smart Hotel และ Smart Hospital ต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนและขยายการให้บริการ ตลอดจนการใช้งานให้ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นภายในองค์กร

Advertisement

Mark Verbloot กล่าวว่า โซลูชั่น Experience  Edge Platform ครอบคลุมทั้ง Switching, APs สำหรับ Wireless และซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มต่างๆ ที่สามารถผสานภาพรวมการทำงานให้เกิดขึ้น โดยกำหนด Policy ได้อย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติ มีการเชื่อมต่อที่สามารถระบุการใช้งานได้ถูกต้อง และควบคุมการทำงานโดยอัตโนมัติ ทำให้เข้าถึงระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น จากนั้นสามารถนำแอพพลิเคชั่นต่างๆ มาทำงานเพิ่มเติมบนระบบเครือข่าย เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

“สมัยก่อน เวลานำอุปกรณ์เข้ามาในระบบเครือข่าย จะต้องทำการปรับจูนค่าต่างๆ  (Configuration) เยอะแยะ แต่ด้วยโซลูชั่น Experience Edge ของอรูบ้านี้ ทุกอย่างจะกลายเป็นไปโดยอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าผู้ใช้จะนำอุปกรณ์ประเภทใดเข้ามา จะมีการต่อเชื่อมที่ถูกต้องโดยอัตโนมัติ และได้ Policy ที่ถูกต้องตรงกับบทบาทของผู้ใช้คนนั้น ทำให้เข้าถึงระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น” Mark Verbloot กล่าว

ในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของระบบเครือข่าย อรูบ้ามีโซลูชั่น Aruba 360 Security Platform ซึ่งเป็นการประสานรวมกันระหว่างซอฟต์แวร์ที่ชื่อ ClearPass กับ IntroSpect ในการตรวจสอบค้นหาภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ ด้วยเทคนิค Machine Learning สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคาม แล้วควบคุมหรือหยุดพฤติกรรมที่ผิดปกตินั้นได้แบบเรียลไทม์ (Real Time) รวมทั้งการป้องกันภัยคุกคามจากภายใน (Insider Threat) จากการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหลาย โดยเน้นการเชื่อมต่อแบบบูรณาการ (Integrated) ร่วมกับแบรนด์ Security อื่นๆ ในท้องตลาด ซึ่งจะทำให้การควบคุมและตรวจจับสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

Advertisement

นอกจากนี้ อรูบ้าได้นำพื้นฐานความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ 17 ปี พัฒนาโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยี  AI (Artificial Intelligence) โดยทำการฝัง (Built-in) AI ในระบบต่างๆ เช่น ระบบ Wi-Fi ระบบ Security เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ

โซลูชั่นของอรูบ้าเน้นการเป็น Open APIs ในการเชื่อมต่อเพื่อให้เกิดโซลูชั่นที่ครบวงจร (End-to-End Solution)  ในการสร้างระบบเครือข่ายให้ลูกค้า โดยอรูบ้าได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรใน Ecosystem อื่นๆ เพื่อควบคุมดูแลอุปกรณ์ทุกๆ แบรนด์ไม่ใช่เฉพาะอุปกรณ์ของอรูบ้าเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้ Experience Edge Platform สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของ Smart Office อรูบ้าได้ Integrated กับพันธมิตรทางด้าน Security ชั้นนำทุกๆ แบรนด์ เช่น โซลูชั่นห้องประชุม Smart Meeting Room ในหลายๆ บริษัทที่มีการ Integrated แม้กระทั่งทำงานร่วมกับผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ อย่าง Herman Miller ที่สามารถปรับเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติตามลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ในแต่ละคน เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ดีขึ้นและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

“โซลูชั่นของอรูบ้าตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น สนามบินรีโอเดจาเนโร อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งรองรับการจัดโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 36 (Rio 2016) ได้ใช้ Location-based ของอรูบ้า ทำให้ผู้เข้ามาในพื้นที่ได้รับการแนะนำในเรื่องเส้นทาง และแหล่งร้านค้าชอบปิ้งในสนามบิน โดยไม่จำเป็นต้องเดินหาหรือกางแผนที่อีกต่อไป ล่าสุด โซลูชั่นอรูบ้าสามารถทำลายสถิติการให้บริการ Wi-Fi ในงาน Super Bowl ครั้งที่ 53 เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยขนาดข้อมูลที่สูงถึง 24 Terabytes นับเป็นการให้บริการข้อมูลบนเครือข่าย Wi-Fi ที่สูงที่สุดในสหรัฐฯ หรืออาจจะในโลกขณะนี้” Mark Verbloot กล่าว

Michael Dickman, Vice President of Product Line Management  ของอรูบ้าซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์ Switching กล่าวว่า ระบบเครือข่ายจำเป็นต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต และโรงพยาบาล ด้วยผลิตภัณฑ์ Switching ของอรูบ้า ทำให้ระบบ IoT และอุปกรณ์ต่างๆ หลากหลายประเภทที่ Access และใช้งานแตกต่างกัน สามารถทำงานและเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ ภายใต้สภาพแวดล้อมการทำงานที่ง่ายกว่า และราคาไม่แพง เพื่อรองรับระบบเครือข่ายสมัยใหม่ที่จะต้องเชื่อมต่อและทำงานโดยอัตโนมัติ

Sujatha Mandava, Vice President of Product Line Management ของอรูบ้ากล่าวว่า อรูบ้ามีโซลูชั่น User Experience Inside Sensor ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI วางบนตำแหน่งที่ผู้ใช้ทำงานอยู่ โดยโซลูชั่นดังกล่าวจะทำหน้าที่จำลองตัวเองเป็นผู้ใช้ และยังสามารถทดสอบระบบเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อพบปัญหาสามารถแยกแยะและแก้ปัญหาได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องคาดเดาถึงสาเหตุของปัญหา และทำการแก้ไขปัญหาก่อนที่ผู้ใช้จะแจ้งปัญหาให้ทราบ ทำให้สามารถรับประกันการบริการ นำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีเพื่อความพึงพอใจแก่ลูกค้าได้

ด้วย Experience Edge Platform ของ Aruba จะทำให้สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยมบนระบบเครือข่าย ตอบโจทย์ความปลอดภัย ใช้งานง่าย และความเป็นระบบอัจฉริยะ รองรับการใช้งานได้ทุกธุรกิจ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image