ซีพีเอฟ ชูมาตรฐาน “ไส้กรอกปลอดภัย”

ซีพีเอฟ ชูมาตรฐาน “ไส้กรอกปลอดภัย” ดันยอดขายโตต่อเนื่อง พร้อมลงทุนเพิ่มขยายไลน์การผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการสายธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยถึงแผนธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในกลุ่มซีพีเอฟ โดยระบุว่า “ผลิตภัณฑ์ไส้กรอก” เป็นอาหารสำเร็จรูปของซีพีเอฟที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมาตลอด 30 ปี และยอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจไส้กรอกของซีพีเอฟมีการเติบโต 5-6% ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับเดียวกันกับตลาดรวม

“ไส้กรอกซีพีเอฟเป็นไส้กรอกที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานความปลอดภัยและรสชาติความอร่อย นับเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่ทานง่ายแต่ทำยาก เพราะการสร้างสรรค์สูตรใหม่ๆ ภายใต้การควบคุมของนักวิทยาศาสตร์การอาหารจะต้องคำนึงถึงทั้งรสชาติและความปลอดภัย รวมไปถึงการสรรหาเทคโนโลยีทางอาหารที่ดีและเหมาะกับการผลิตไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่ง ซีพีเอฟ ทุ่มเทวิจัยและพัฒนาในด้านนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างสรรค์อาหารสำเร็จรูปที่ดีที่สุด จากวัตถุดิบที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ” นายสุขวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ กระบวนการผลิตไส้กรอกซีพีมีมาตรฐานสูง ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากฟาร์มเลี้ยงสุกรในระบบปิด ให้ความสำคัญกับการใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อการบริโภคตามมาตรฐานของ อย. และมาตรฐานสากล ผ่านกระบวนผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติแบบต่อเนื่องเพื่อลดการสัมผัสมือคน ในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิในระดับ 4-12 องศาเซลเซียสตลอดกระบวนการผลิต เมื่อผนวกกับสูตรการผลิตที่คัดสรรแล้ว ส่งผลให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเสมอมา

Advertisement

cpf-2

นายสุขวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จากยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจและเตรียมเปิดเดินเครื่องโรงงงานผลิตไส้กรอกแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิต 60 ตัน/วัน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ที่จังหวัดนครราชสีมาในราวปลายปีนี้ นอกเหนือจากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 โรงงาน คือกรุงเทพและสระบุรี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตไส้กรอกจากทั้ง 3 โรงงานรวม 100,000 ตัน/ปี

ส่วนกลุ่มส่วนกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (ready meal) บริษัทตั้งเป้าปีนี้จะเติบโต 12% จากการขยายตัวของร้านสะดวกซื้อ รวมธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงความนิยมของผู้บริโภค

Advertisement

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังมีแผนขยายธุรกิจด้านอาหารสำเร็จรูปเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งจะประกอบด้วย 1.) ซอสสำเร็จรูป เครื่องแกง เครื่องปรุง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปรุงอาหาร ในกลุ่มนี้ได้รับการอนุมัติงบลงทุนแล้วกว่า 700 ล้านบาท โดยจะดำเนินการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้กลางปี 2560 ซึ่งจะทำให้ซีพีเอฟสามารถเพิ่มกำลังการผลิตผลิสินค้าในกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว หรือคิดเป็น 3.3 ตัน 2.) อาหารมังสวิรัติ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยจะเน้นรสชาติอร่อยถูกปากคนไทย 3.) อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ตอบสนองจำนวนผู้สูงอายุที่มีมากขึ้นเนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่สูงขึ้น ทำให้คนอายุยืนยาวขึ้น และสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ลักษณะอาหารจะเคี้ยวง่าย ย่อยง่าย เหมาะสมกับอวัยวะภายในของผู้สูงวัย 4.) อาหารสำหรับผู้ป่วย ซึ่งจะมีลักษณะข้น รสจืด กลืนง่าย และไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการสำลัก

“การคำนึงถึงผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยเช่นนี้ ถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งของผู้ผลิตอาหารอย่างซีพีเอฟ เชื่อว่าสินค้าเหล่านี้จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสองกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และที่สำคัญ อาหารสำเร็จรูปทุกเมนูของซีพีเอฟถูกพัฒนาโดยนักวิชาการอาหารและนักโภชนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยจะมีคณะแพทย์เข้ามากำกับดูแลควบคู่ไปด้วย ทำให้ทุกคนสามารถบริโภคได้อย่างมั่นใจทั้งความปลอดภัยในอาหารและคุณค่าทางโภชนา โดยอาหารสำเร็จรูปเหล่านี้จะออกสู่ตลาดในราวกลางปี 2560” นายสุขวัฒน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image