เงินพระราชทาน 2.4 พันล้าน สานต่อพระราชปณิธานด้านการแพทย์ “ในหลวง”

พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยด้านสุขภาพ ประจักษ์ชัดตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมาว่าทรงห่วงใยเรื่องความเจ็บป่วยและปรารถนาให้พสกนิกรของพระองค์มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้สร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง ในปี พ.ศ 2515 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และยังทรงพระราชทานกิจกรรมมากมาย เพื่อบำรุงสุขให้แก่ราษฎรของพระองค์ พระเมตตาจากพระองค์ท่านยังผลให้พสกนิกรไทยในที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีมีคุณภาพได้รับการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน

เนื่องในปีมหามงคลอันมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค. ที่สำเร็จเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ สง่างามและสมพระเกียรติสูงสุด และนับเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และได้เห็นโบราณราชประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ภายหลังพระราชพิธีสำคัญดังกล่าวประชาชนไทยได้รับพระเมตตา เมื่อวันที่ 7 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงินที่ประชาชนได้ร่วมกันทูลเกล้าฯ ถวายในการร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทั้งหมด และส่วนหนึ่งเป็นเงินรายได้จากการจัดงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,407,144,487.59 บาท ในการจัดซื้อเครื่องมือครุภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์และพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ จากทั่วประเทศ 27 แห่ง ด้วยทรงห่วงใยสุขภาพร่างกายของประชาชน ตลอดจนประสิทธิภาพด้านการให้บริการทางการแพทย์ สร้างความปลื้มปีติยังประชาชนทุกหมู่เหล่า

เพื่อสืบสานพระราชปณิธานด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพสกนิกรของที่ทรงห่วงใย และทรงคำนึงถึงการดูแลรักษาพยาบาล สุขภาพร่างกายของประชาชน เงินพระราชทานจำนวน 2.4 พันล้านบาท จึงถูกแจกจ่ายอย่างเหมาะสมเพื่อใช้ในการจัดซื้อเครื่องมือ ครุภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้การรักษาทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์และพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ จากทั่วประเทศจำนวน 27 แห่งที่ยังคงขาดแคลนและมีความจำเป็นในการให้บริการในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วย อันจะเป็นประโยชน์ในการให้การบริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วย การรักษาพยาบาลที่ดีมีคุณภาพ เพื่อให้ผู้ได้รับการรักษามีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

Advertisement

โรงพยาบาลที่ได้รับพระราชทานเงินมีหลายระดับและกระจายในหลายภูมิภาค ทั้งในภาคกลาง ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลตำรวจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โรงพยาบาลสมเด็จ พระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ โรงพยาบาลหัวหิน โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลน่าน โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โรงพยาบาลยะลา โรงพยาบาลปัตตานี โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และโรงพยาบาลท่าวังผ่า จังหวัดน่าน

         นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า บุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเงินสำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพย์ ให้แก่โรงพยาบาลทั้ง 27 แห่ง ซึ่งมีโรงพยาบาลในสังกัด สธ. จำนวน 11 แห่ง รวม 631 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โรงพยาบาลราชวิถี 2.โรงพยาบาลสงฆ์ 3.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี 4.โรงพยาบาลหัวหิน 5.โรงพยาบาลน่าน 6.โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร 7.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 8.โรงพยาบาลยะลา 9.โรงพยาบาลปัตตานี 10.โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และ 11.โรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่าน

Advertisement

“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นเหลือ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงินสำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ลงมา สธ.จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ตามที่มีพระบรมราโชบายเพื่อให้เงินนี้ลงไปสู่ประชาชนผู้ยากไร้อย่างทั่วถึง เพราะโรงพยาบาลที่ได้รับพระราชทานเงินมีหลายระดับ มีทั้งระดับโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลชุมชน โดยจะเน้นเป็นเครื่องมือแพทย์ที่เหมาะสมกับความต้องการการรับบริการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไป

โรงพยาบาลแต่ละแห่งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก โดยครุภัณฑ์ที่จัดซื้อมีตั้งแต่เครื่องตรวจมะเร็งเต้านม เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เครื่องดมยา เครื่องสวนหัวใจ เครื่องผ่าตัด การเทคโนโลยีชั้นสูงเกี่ยวกับการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียง เครื่องตรวจครรภ์มารดา เป็นต้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นหนึ่งในจำนวน 27 รพ.ที่ได้รับเงินพระราชทาน ซึ่ง นพ.วิชัย วิเชียรวัฒนชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดเผยกับมติชนด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณว่า โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้รับพระราชทานเป็นเงินกว่า 80 ล้านบาท (80,032,880 บาท) โดยเงินจำนวนนี้จะนำไปจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็นและสำคัญในการที่จะนำไปดูแลและรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ ให้เพิ่มประสิทธิภาพให้มากที่สุดเพื่อลดการส่งต่อผู้ป่วย

“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่มีต่อพสกนิกรประชาชนชาวไทย และประชาชนจังหวัดนราธิวาสอันเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ในนามของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรของโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ท่านมีต่อประชาชนชาวนราธิวาส แพทย์พยาบาลและบุคลากรของโรงพยาบาลนราธิวาสฯ จะสนองพระปณิธานของพระองค์ท่าน ในการที่จะดูแลประชาชน ชาวนราธิวาสอันเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านให้ดีที่สุดและตลอดไป” นพ.วิชัย กล่าว

         การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่คณะผู้บริหาร บุคลากร และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้บริการทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชน ทุกหมู่เหล่าอย่างหาที่สุดมิได้

งานแฟร์สุขภาพ “เฮลธ์แคร์ ครั้งที่ 11”

ตรวจสุขภาพฟรี ถวายเป็นพระราชกุศล

เนื่องในปีมหามงคลและเพื่อสนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพสกนิกร กลุ่มบริษัทมติชน ในฐานะผู้จัดงาน “เฮลท์แคร์” มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปี จึงร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จัดงานมหกรรมสุขภาพ เฮลท์แคร์ ครั้งที่ 11 ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้ สู้โรค 2019” โดยมุ่งหวังให้ประชาชนได้หันมาใส่ใจสุขภาพและรู้เท่าทันโรคในปี 2019 ในมิติต่างๆ อย่างครบวงจร

งานแฟร์สุขภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ จะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมในสถานที่ใหม่ “ฮอลล์ 5 อิมแพค เมืองทองธานี” บนเนื้อที่กว่า 5,000 ตร.ม. ขนทัพหน่วยงานและองค์กรด้านสุขภาพชั้นนำมาร่วมขับเคลื่อน ผลักดันให้คนไทยรอบรู้ด้านสุขภาพ ผ่านการเรียนรู้สู่การปฏิบัติ ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย พร้อมการตรวจรักษาครอบคลุมทุกโรคโดยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลระดับประเทศ 30 แห่ง รองรับผู้เข้ารับบริการได้มากกว่า 10,000 คน ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เฮลท์แคร์ 2019 พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายน 2562 ณ ฮอลล์ 5 อิมแพค เมืองทองธานี

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image