เปิดศักราชใหม่ ส.ป.ก. มอบเอกสารสิทธิ์ (ส.ป.ก.4-01)ให้เกษตรกร ตามนโยบายรัฐบาล เร่งรัดการจัดที่ดินทำกิน

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่ดินเพื่อเกษตรกรรมด้วยวิธีการปฏิรูปที่ดิน ที่มุ่งหมายจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมด้วยการจัดทรัพยากรที่ดินเพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ และการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการจัดหาที่ดินและจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน หรือมีที่ดินเล็กน้อยไม่เพียงพอต่อการครองชีพ และรัฐให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม ปรับปรุงทรัพยากร และปัจจัยการผลิตตลอดจนการผลิตและการจำหน่ายให้เกิดผลดียิ่งขึ้น

เพื่อดำเนินการตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของการปฏิรูปที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแพร่ (ส.ป.ก.แพร่) ได้ดำเนินการตามภารกิจด้านการจัดที่ดิน ทำการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกษตรกรมีเอกสารสิทธิในการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรได้รับโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมมีที่ดินในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินที่อยู่ห่างไกลจากการบริการของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน และเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาในการเดินทางมาติดต่อราชการ ซึ่งในปีงบประมาณ 256๒ มีเกษตรกรได้รับคัดเลือกให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ในอำเภอวังชิ้น รวมทั้งสิ้น 187 ราย 224 แปลง เนื้อที่ 920-2-43 ไร่ โดยแบ่งเป็น พื้นที่ที่อยู่อาศัย จำนวน 23 ราย 25 แปลง เนื้อที่ 11-1-81 ไร่ และพื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 164 ราย 199 แปลง เนื้อที่ 908-3-62 ไร่ โดยมี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมช.กษ.), นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่, ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และพันจ่าเอกประเสริฐ  มาลัย รองเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ร่วมมอบหนังสืออนุญาตให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01)

สำหรับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแพร่ (ส.ป.ก.แพร่) มีพื้นที่ดำเนินการในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดแพร่ประมาณ 284,466ไร่ และได้ดำเนินการจัดที่ดินให้เกษตรกรไปแล้ว แบ่งเป็น 1. พื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 24,941 ราย 33,473 แปลง เนื้อที่ 227,123 ไร่  2. พื้นที่ที่อยู่อาศัย จำนวน 2,205 ราย 2,450 แปลง เนื้อที่ 1,349 ไร่ขณะที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า (รมช.กษ.) ระบุว่า หลังจากนี้จะทำการยึดคืนที่ดินแปลงใหญ่จากนายทุนที่หมดสัมปทานแล้วมาจัดสรรให้เกษตรกรได้ทำกินพร้อมมอบอาชีพ ทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะเกษตรอินทรีย์ ซึ่งทำแล้วขายได้ ราคาที่ดี และมีตลาดรองรับ ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น อีกทั้งยังให้สิ่งอำนวยสะดวกด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะกลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image