TCEBงัดกลยุทธ์ควิกวินดันไมซ์อินเดีย-จีนโตแรงปี’62-63 รัฐบาล“ลุงตู่”ปลดข้อจำกัด-เติมเงินหนุนไทยขึ้นนำเอเชีย

TCEB งัดกลยุทธ์ “Quick Win” ชิงความเป็นเจ้าตลาดไมซ์ “อินเดีย-จีน” นำร่องจัด “THAILAND MICE SHOWCASE 2019” ในมุมไบปลุกคู่ค้าทั่วอินเดียร่วมเจรจาธุรกิจ วันเดียวเอกชนไทยกวาดสัญญามาได้กว่า 20,000 แพ็ค ช่วง 27-30 พ.ย.นี้ นำทัพบุกไมซ์จีน ยึดฐานใหญ่ในมณฑลกวางโจว โกยลูกค้าขาใหญ่กลุ่มประชุมและเดินทางท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัล ได้แรงหนุนรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ปลดล็อกทุกเรื่องอัดฉีดเงินเต็มที่เพื่อดันไทยผงาดสู่ยุคทองไมซ์ปี’63 ขึ้นผู้นำเอเชีย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBเปิดเผยว่า ได้นำเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทย 31 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) :TICA ผู้ประกอบการโรงแรม ผู้จัดงาน ผู้จัดการแสดงโชว์สยามนิรมิต ไปทำโร้ดโชว์เชิงรุกเร็วหรือQuick Win โดยลงทุนจัด THAILAND MICE SHOWCASE 2019 เจาะตลาดอินเดียเป็นครั้งแรกในเลือกใช้สถานที่เมืองมุมไม เชิญคู่ค้ารายใหญ่จากเมืองสำคัญ ๆ เข้ามาร่วมเจรจาธุรกิจให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว สามารถซื้อขายธุรกิจกันได้มากถึง 20,000 แพ็ค แล้วในเวทีนี้เอกชนยังจะมีดีลใหม่ทยอยเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องในปี 2563

กลยุทธ์การรุกชิงชัยชนะแบบเร่งด่วนในตลาดอินเดียนั้น เป็นผลมาจากปี 2562 มีบริษัทขนาดใหญ่หรือคอร์ปอเรตไมซ์อินเดียเติบโตเหนือความคาดหมายใน 2 กลุ่มหลัก ได้เลือกเมืองไทยเป็นจุดหมายปลายการจัดประชุม (Meeting) และเดินทางท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) หรือ MI เติบโตสูงมากกว่าปี 2561 ถึง 42 %   มีจำนวนรวมกว่า 220,000 คน

ระหว่างการจัดงาน THAILAND SHOWCASE 2019 เมืองมุมไบ ได้รับความสนใจจากเอเย่นต์อินเดียระดับท็อป 5 ราย เข้ามาถ่ายทอดเทคนิคการเจาะตลาดให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยแนะนำข้อมูลสำคัญคือ 1.ต้องเจรจาพูดคุยกับคู่ค้าอินเดียวอย่างจริงใจ ไม่ใช้วิธีทำราคา Over Charge แยกเป็นรายการเพิ่ม เช่น เมื่อตกลงราคาห้องพักโรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ควรจะรวมอาหารเข้าไปด้วย เพราะอินเดียจะไม่ชอบการขายแบบนี้ 2.อย่ารีบปฎิเสธการทำธุรกิจกัน แต่ต้องพยายามหาช่องทำกิจกรรมการขายแต่ละส่วนเพื่อแลกเปลี่ยนงานที่สามารถทำร่วมกันได้

Advertisement

นายจิรุตถ์กล่าวว่า ได้ใช้เวทีโร้ดโชว์แนะนำสถานที่จัดงานในเมืองไทยซึ่งมีให้เลือกมาถึง 170 ธีม ซึ่งมีความพร้อมรองรับการจัดงานอินเตอร์ทั้งกลุ่มประชุมและอินเซ็นทีฟ โดยขอให้กระจายการจัดงานอย่างทั่วถึงตามต่างจังหวัดทั่วประเทศไทย ผนวกกับมีแพกเกจสนับสนุนหากเลือกจัดงานนอกเขตกรุงเทพมหานคร จะมีงบประมาณพิเศษเสริมให้แต่ละกรุ๊ป เช่น จัดการแสดง หรือค่าอาหารการจัดงานเลี้ยง อีกทั้งทีเส็บยังนำเสนอธีมคอนเซ็ปต์ให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งทางเอเย่นต์อินเดียให้ความสนใจมากทั้งเรื่องกิจกรรมจัดการประชุมสไตล์ Team Building, Luxury, Sea Sand Sun โดยเฉพาะการประชุมควบคู่การบำเพ็ญประโยชน์ (CSR MICE) มีกระแสตอบรับดีมากลูกค้าอินเดียจองคิวเลือกมาเชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นอันดับต้น ๆ

สำหรับการไมซ์มาจัดในไทย 170 ธีม นั้น ทีเส็บเทไปยังกลุ่มไมซ์ซีเอสอาร์ เจาะกำลังซื้อที่พร้อมทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน โรงเรียน หรือให้คนตาบอดมาสอนผู้เข้าร่วมงานไมซ์ แนะนำให้เดินทางไปจัดตามสถานที่ต่าง ๆ กระจายอยู่ในเมืองใหญ่และเมืองรองเพื่อโปรโมตให้ต่างชาติได้รู้จักมากขึ้น เช่น ชุมชนตะเคียนเตี้ย นาเกลือ พัทยา จ.ชลบุรี ตอนนี้มีไมซ์จากตลาดออสเตรเลียเข้าไปทำกิจกรรมกับชุมชนเพิ่มขึ้น ส่วนชาวบ้านเองก็สามารถนำผลิตภัณฑ์มาขายมีรายได้มากขึ้นด้วย

นายจิรุตถ์กล่าวว่าจากผลการวิจัยพบว่า“พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของไมซ์อินเดียในทย” เฉลี่ยคนละประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐ/คน/ทริป หรือราว 25,000 บาท/คน/ทริป ปัจจุบันมีสายการบินให้บริการระหว่างเมืองต่าง ๆ ในอินเดียเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมาก  ทั้งไทยสไมล์ บางกอกแอร์เอเวย์ส ตอนนี้มีเปิดบินตรงจากอินเดีย 11 เมือง ตรงเข้ากรุงเทพฯ และภูเก็ต สัปดาห์ละ 94 เที่ยว เป็นประโยชน์ต่อตลาดไมซ์โดยเฉพาะอินเซ็นทีฟซึ่งเป็นกลุ่มตลาดคุณภาพสูง

Advertisement

ขณะเดียวกันทีเส็บได้เสนอบริการพิเศษเพิ่มเติมคือ 1.MICE LANE เปิดช่องทางพิเศษผ่านเข้าเมืองให้แก่ V.I.P.แต่ละกรุ๊ปได้ครั้งละไม่เกิน 15 คน 2.ช่วยอำนวยความไม่ต้องถูกส่งกลับ กรณีไทยมีกฎกระทรวงระบุจะต้องมีเงินสดติดตัวไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทจึงจะเข้ามาได้ 3.ล่าสุดทีเส็บทำงานสะดวกมากขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยประกาศนโยบายชัดเจนเปิดกว้างด้านบริการ E-VISA ส่วนคู่ค้าอินเดียขอให้ขยายฟรีวีซ่า VISA ON ARRIVAL : VOA ให้แก่นักเดินทางไมซ์ รวมถึงเรื่องการอำนวยความสะดวก เช่น ขอตำรวจนำขบวนให้ V.I.P.หรือช่องทางการผ่านเข้าออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งทีเส็บสามารถทยอยปลดล็อกแต่ละเรื่องได้แล้ว

สำหรับช่องทางเพิ่มรายได้จากตลาดอินเดียในปี 2563 สามารถทำเพิ่มได้อีก 2 ทาง ประกอบด้วย 1.เพิ่มวันพัก ซึ่งตอนนี้ทางทีเส็บทำโครงการปิดจุดอ่อนโดยสร้างแคมเปญพักตั้งแต่ 3 คืนขึ้นไป จะมอบเงินสนับสนุนพิเศษในการจัดงาน โดยมีกติกาจะต้องผ่านบริษัทจัดงานของไทย เพื่อให้พักค้างนานวันมากสุด หากพักน้อยกว่า 3 คืนก็จะไม่ได้สิทธิ์เป็นเงินสนับสนุน ได้เพียงแค่การอำนวยความสะดวกเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ส่วนจุดอ่อนอีกเรื่องตอนนี้พอมีเที่ยวบินตรงจำนวนมาก ก็กลายเป็นลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มทำให้คนมาร่วมงานไมซ์ตัดสินใจพักค้างคืนในประเทศไทยลดลง 2.เพิ่มการใช้จ่าย ได้ใช้มาตรการภาษีเข้ามาจูงใจกระตุ้นให้ไมซ์อินเดียใช้เงินเพิ่มทางด้านอื่น ๆ มากขึ้น

นายจิรุตถ์ย้ำว่า แนวโน้มตลาดไมซ์อินเดียเข้าไทยปี 2562 จะมีไม่ต่ำกว่า 220,000 คน ปี 2563 ตั้งเป้าทำให้ได้ 260,000  คน ควบคู่การเพิ่มวันพัก ก็จะส่งเสริมรายได้เติบโตในทิศทางบวกด้วยเช่นกัน  ส่วนไมซ์จีนก็เป็นอีกตลาดมาแรงตลอดปี 2562 มีกลุ่มอินเซ็นทีฟ กลุ่มการแพทย์ เลือกมาจัดประชุมในไทย กรุ๊ปละ 8,000-10,000 คน ปี 2563 เตรียมเพิ่มฐานลูกค้าผ่านกลยุทธ์หลักประกอบด้วย

1.ทำการตลาดแบบรวดเร็ว (Quick Win) ระหว่างวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2562 จะนำทีมงานทีเส็บไปยังมณฑลปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเชิญคอร์ปอเรตรายใหญ่จากทุกมณฑลมาเจรจาเช่น กลุ่มตรง กลุ่มฟาร์มาซี ร่วมแลกเปลี่ยนการค้าและทำกิจกรรมสร้างการรับรู้ในแบบ Educational trip เพื่อให้ทุกมณฑลได้เข้าใจ

2.ลงทุนตั้งตัวแทนการตลาดไมซ์ Marketing Representation โดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญอีก 1 ราย เข้ามาดูแลตลาดในมณฑลกวางโจว ซึ่งเข้าใจคนท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี เพราะกลุ่มไมซ์ขายตรงมาจากกวางโจวกว่า 70 % จึงต้องเพิ่มโอกาสการเข้าถึงและโปรโมตเชิงรุกตลาดประชุมและเดินทางท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัล (MI) แบบควิกวินได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไทยอนุมัติงบประมาณให้ทีเส็บเดินหน้าทำภารกิจอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันทีเส็บยังได้วางกลยุทธ์ปลุกตลาดไมซ์ในประเทศด้วยแคมเปญ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” ตามมติคณะรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 เห็นชอบให้ทีเส็บทำกิจรรมการตลาดไมซ์เชิงรุกภายใต้ 4 มาตรการ ประกอบด้วย

1.การแจกโวเชอร์มูลค่า 20,000 บาท ให้เอกชนที่สามารถใช้บริการโรงแรม เอเย่นต์ กลุ่มที่พาไปดูงานและจัดประชุมนอกสถานที่ โดยสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาอนุมัติงบจะเริ่มได้ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นไป

2.กระตุ้นภาครัฐเลือกจัดประชุมในเมืองไทย ขอให้รัฐบาลแจ้งหน่วยงานภาครัฐอย่าง องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด เลือกจัดงานในไทย หรือจัดประชุมข้ามเขต แทนการเดินทางไปต่างประเทศ

3.ลดภาษี 200 % ให้แก่บริษัทที่นำพนักงานไปจัดประชุมตามพื้นที่ต่าง ๆ สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีได้ถึง 200  %

4.จัดเมกะอีเวนต์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากนายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลทีเส็บ ให้เร่งดึงงานเมกะอีเวนต์รายการระดับโลกมาจัดในไทยให้ได้มากที่สุด

สรุปโดยภาพรวมตลอดปี 2562 ทีเส็บได้แสดงศักยภาพความเป็นผู้นำการขับเคลื่อนตลาดไมซ์ โดยสามารถทำภารกิจเชิงรุกทั้งในตลาดคุณภาพมาแรงอย่างอินเดีย จีน ดึงงานเมกะอีเวนต์จากนานาชาติเข้ามาจัดทั่วประเทศ พร้อมกับได้ติดอาวุธแคมเปญ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” เพื่อกระจายรายได้ไปยังเมืองรองและชุมชนทั่วประเทศต่อเนื่องปี 2563 จะเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมไมซ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง เป็นผู้นำไมซ์อาเซียนและเอเชีย

เรื่องโดย…เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน -บล็อกเกอร์ :gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image