CKPower ย้ำสกัดโควิด-19 เข้มทุกโรงไฟฟ้า พร้อมมอบทุนหนุนทีมแพทย์ทั้งไทยและ สปป.ลาว

ตามที่มีประกาศจากรัฐบาลแจ้งเรื่องการยกระดับมาตรการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม โดยกำหนดเคอร์ฟิวทั่วประเทศระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เป็นต้นไป ยกเว้นผู้มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทาง อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKPower) ชื่อย่อหลักทรัพย์ “CKP” ซึ่งมีโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหารของบริษัทฯ ทั้งใน สปป.ลาว และในประเทศไทย ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการที่ 1 (BIC-1) และโครงการที่ 2 (BIC-2) รวมถึง โรงไฟฟ้าบางเขนชัยโซลาร์ แม้ไม่ได้รับผลกระทบด้านการผลิตไฟฟ้า แต่ก็ได้เตรียมแผนฉุกเฉินรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง ซึ่งจากวิกฤติดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในปัจจุบัน และยังไม่พบผู้ติดเชื้อในทุกโรงไฟฟ้า

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงความเข้มข้นของมาตรการสำหรับพนักงาน รวมถึงพนักงานสัญญาจ้าง หรือผู้รับเหมาประจำ ทั้งที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สำนักงานและที่โรงไฟฟ้าทุกคน โดยงดกิจกรรมสังสรรค์ กีฬา และกิจกรรมกลุ่ม รวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศของพนักงาน และให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้านจำนวนกว่า 80% สำหรับพนักงานที่ตั้งครรภ์ และมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง สามารถปฏิบัติงานที่บ้านได้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงของพนักงานและครอบครัวพนักงาน

นอกจากนี้ หากพบว่ามีพนักงานที่ผ่านการคัดกรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือพบว่าติดเชื้อและต้องเข้ารับการรักษาสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อและค่ารักษาพยาบาลจากทางบริษัทฯได้เต็มจำนวนเป็นกรณีพิเศษ โดยไม่รวมกับวงเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิกรณีอื่นนอกเหนือจากนี้ ซึ่งยังคงสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามสิทธิปกติอีกด้วย

Advertisement

เมื่อถามว่าจากประกาศดังกล่าว CKPower เตรียมมาตรการควบคุมการเข้า-ออก โรงไฟฟ้าของบริษัทฯ ทั้งในไทยและสปป.ลาว หรือไม่ นายธนวัฒน์ ตอบว่า “บริษัทฯ มีมาตรการควบคุมการเข้า-ออก อย่างเข้มงวด โรงไฟฟ้าทุกแห่งของ CKPower ยังสามารถเข้าออกได้เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้นและต้องได้รับการพิจารณาจากกรรมการผู้จัดการของแต่ละแห่งก่อน และเมื่อพนักงานกลับเข้ามาที่โรงไฟฟ้าต้อง quarantine ตัวเองเป็นเวลา 14 วัน นอกจากนี้ เราก็มีแผนจัดทีมงานเฉพาะในการ operate หากพบมีผู้ติดเชื้อ โดยมีแผนฉุกเฉินรองรับการทำงาน รวมถึงมีขั้นตอนที่จะต้องปฏิบัติ กรณีหากพบมีผู้ติดเชื้อ หรือมีบุคคลต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อ”

นายธนวัฒน์  กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ไม่เพียงเตรียมแผนรองรับการดำเนินธุรกิจ และดูแลป้องกันพนักงานจากการติดเชื้อเท่านั้น แต่ CKPower และบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด และ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ยังได้มอบเงินให้แก่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อสนับสนุนการรับมือและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมกับสนับสนุนอาหารกล่องจำนวน 3,000 กล่อง ให้แก่ทีมแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาท นอกจากนี้ กลุ่ม CKPower ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ใน สปป.ลาว คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ได้ร่วมกับบริษัท ช. การช่าง (ลาว) จำกัด มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ โดยมี รศ.ดร.บุนกอง สีหาวง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขแห่ง สปป.ลาว รับมอบเงินสนับสนุนจาก นายดำรง ใคร่ครวญ เอกอัครราชทูตไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งได้ให้เกียรติเป็นผู้แทนจากกลุ่มบริษัท CKPower เป็นผู้มอบ เพื่อแสดงไมตรีจิตและความห่วงใย รวมถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างระหว่างกลุ่มบริษัท และรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อร่วมยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน สปป.ลาว เช่นกัน

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image