ปักกิ่ง, 16 เม.ย. (ซินหัว) — ผู้เชี่ยวชาญจากนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน
ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากไวรัสหนักที่สุดในจีน ได้แบ่งปันประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยร่วมกับ 24 ประเทศผ่านการประชุมทางวิดีโอ โดยมีผู้ชมการถ่ายทอดสด 15,000 คนทั่วโลก
หูอวี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ฮั่นยูเนียน (Wuhan Union Hospital) กล่าวว่าเนื่องจากโรงพยาบาลหลายแห่งในอู่ฮั่นเป็นสนามรบสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 จึงมีประสบการณ์การรักษาทางคลินิกที่หลากหลาย และยินดีแบ่งปันความรู้เหล่านี้ให้กับทั่วโลก
จีนแบ่งปันความรู้ทางวิทยาศาสตร์และผลวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แก่ทั่วโลกมาโดยตลอด นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของจีนแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิคกับประชาคมระหว่างประเทศอย่างทันท่วงที เพื่อช่วยพัฒนาชุดทดสอบและปรับใช้มาตรการรับมือ
เจิงอี้ซิน รองผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน กล่าวว่าแผนการวินิจฉัยและรักษา แผนการป้องกันและควบคุม รวมถึงเอกสารทางเทคนิคอื่นๆ ถูกรวบรวม แปล และถ่ายทอดไปยังกว่า 180 ประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศและองค์กรระดับภูมิภาคกว่า 10 แห่ง
นักวิจัยจีนยังค้นหาแหล่งที่มาของไวรัส เส้นทางการแพร่เชื้อ และอาการทางคลินิกของผู้ป่วย เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคโควิด-19 ขณะที่รัฐบาลจีนสนับสนุนให้นักวิจัยและคณะแพทย์ในแนวหน้าตีพิมพ์ผลการวิจัยของพวกเขาในวารสารนานาชาติ เพื่อช่วยแบ่งปันข้อมูลและสื่อสารกับบุคลากรการแพทย์ในต่างประเทศ
จวบจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม นักวิจัยจีนได้ตีพิมพ์รายงานการวิจัย 54 ชิ้นในวารสารระดับนานาชาติชื่อดังหลายฉบับ รวมถึงในแพลตฟอร์มสำหรับแบ่งปันงานวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ทางออนไลน์ ซึ่งอยู่บนเว็บไซต์ของวารสารการแพทย์จีน (Chinese Medical Journal) โดยมีรายงานการวิจัยมากกว่า 700 ชิ้น และมียอดการเข้าชม 2.3 ล้านครั้ง
จีนปรับปรุงแผนการวินิจฉัยและการรักษาอย่างต่อเนื่อง นักวิจัยจีนพยายามค้นหาตัวยาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงแนวทางการรักษาใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ผลักดันการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ สเต็มเซลล์ ตับเทียม และการฟอกเลือดในการรักษาผู้ป่วยอาการรุนแรง
สวีหนานผิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน กล่าวว่าจีนจะแบ่งปันผลการทดลองทางคลินิกของยาต้านโรคโควิด-19 ทั้งหมดกับนานาชาติ และนักวิจัยจีนต่างเฝ้ารอที่จะริเริ่มหรือมีส่วนร่วมในการทดลองทางคลินิกร่วมกันของหลายสถาบันในระดับสากล เพื่อกำหนดแนวทางรักษาโรคนี้โดยเร็ว