สธ.เน้นย้ำความสำคัญสุขบัญญัติ ‘สวมหน้ากาก อยู่ห่าง ล้างมือ’ ชวนคนไทยยึดสู่ ‘ฐานวิถีชีวิตใหม่’ ป้องกันโควิด-19

ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 28 พฤษภาคมของทุกปีเป็น ‘วันสุขบัญญัติแห่งชาติ’ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้รับการปลูกฝังและสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีอย่างถูกต้องตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสุขบัญญัติแห่งชาติมีส่วนสำคัญอย่างมากในการที่จะสร้างเสริมสุขภาพประชาชนและช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ได้

นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความสำคัญของสุขบัญญัติว่าเป็นการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ช่วยสร้างเสริมสุขภาพ และลดความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงอันตรายต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ และนำไปสู่สุขภาพที่ดีซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน โดยรัฐบาลต้องการให้คนไทยรักษาสุขภาพอย่างถูกต้องในทุกช่วงชีวิตด้วยการปฎิบัติตนอย่างสม่ำเสมอ ดูแลสุขภาพของตนเองจนเป็นสุขนิสัย ซึ่งจะทำให้การดูแลสุขภาพเป็นค่านิยมหลักของสังคมไทย และพัฒนาให้วัฒนธรรมสุขภาพของคนไทยได้ก้าวไปข้างหน้าต่อไป“สุขบัญญัติ 10 ประการ ประกอบไปด้วย การดูแลรักษาร่างกายและของใช้ตัวเองให้สะอาด  รักษาฟันให้แข็งแรง ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหาร กินอาหารสุกและสะอาด ปราศจากสิ่งเจือปน รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือสีฉูดฉาด งดสูบบุหรี่ สุรา หรือสารเสพติด งดการเล่นการพนันและการสำส่อนทางเพศ สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น ป้องกันอุบัติภัยด้วยการไม่ประมาท ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้ร่าเริงและแจ่มใสอยู่เสมอ มีจิตอาสา มีสำนึกต่อส่วนรวม ร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ซึ่งจะทำให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดี จิตใจแข็งแรง มีสมรรถนะในการเรียนหรือทำงาน และมีความสามารถในการต้านทานโรคต่างๆ ทั้งโรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและโรคอุบัติใหม่”
“จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 รวมถึงโรคติดต่อทางเดินหายใจต่างๆ เราสามารถป้องกันตัวเองได้โดยรักษาสุขอนามัยตามสุขบัญญัติ โดย New Normal หรือ ‘ฐานวิถีชีวิตใหม่ด้วยสุขบัญญัติ’ เบื้องต้นมุ่งเน้น 3 พฤติกรรมหลัก ได้แก่ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างระหว่างกัน และล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดบ่อยๆ หรือแอลกอฮอล์เจล เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และโรคอื่นๆ”

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การมีสุขภาพดีเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปลูกฝัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กำลังเกิดภาวะวิกฤตโควิด-19 เป็นที่ทราบกันดีกว่าประเทศไทยได้รับการชื่นชมจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในเรื่องของระบบบริการสาธารณสุขของไทยที่มีพื้นฐานดี มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านช่วยดูแล มีบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเปรียบเสมือนนักรบเสื้อกาวน์ มีภาคประชาชนที่เข้มแข็งและใส่ใจพฤติกรรมสุขภาพมากกว่าประเทศอื่นๆ ด้วยการรักษาระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากและหมั่นล้างมือ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นพื้นฐานของคนไทยที่ได้รับการปลูกฝังเรื่องของสุขบัญญัติ“ขอให้คนไทยเชื่อมั่นในหน้าที่ภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขว่า ไม่ใช่เพียงเรื่องของการรักษาพยาบาลหรือการป้องกันเท่านั้น แต่ยังหมายถึงข้อมูลข่าวสารที่กระทรวงสาธารณสุขได้เผยแพร่ให้แก่ประชาชน หนึ่งในนั้นคือเรื่องของสุขบัญญัติ หากทุกคนพร้อมใจกันให้ความร่วมมือ เราก็จะสามารถก้าวผ่านปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกันได้  ประเทศไทยก็จะกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว”

อนึ่ง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังนำไปสู่การขับเคลื่อนเรื่องการสร้างวัฒนธรรมสุขภาพ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยพลังจากทุกภาคส่วน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเครือข่ายในการร่วมพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้านสุขภาพของเด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นการรู้เท่าทันสื่อด้านสุขภาพ ซึ่งข้อมูลข่าวสารมีความหลากหลายทั้งที่เป็นข่าวปลอมหรือบิดเบือน จึงได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตร สนับสนุนแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและทักษะที่จำเป็น รวมถึงการพัฒนาศักยภาพครูบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนบุคลากรที่ดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชน เป็นต้น

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image