“ดีอีเอส” พร้อมสนับสนุนคนไทย ก้าวทันดิจิทัลยุคนิวนอร์มอล

หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลายเป็นศูนย์ การใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมก็เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้อยู่รอดและไม่เกิดการระบาดซ้ำอีก หรือที่เรียกกันว่า นิวนอร์มอล (New Normal) ซึ่งไม่ได้มีแค่ในด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการดำเนินชีวิตในด้านอื่นๆ ด้วย อย่าง “ดิจิทัล” ที่ถึงแม้จะมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรามาสักระยะแล้ว ก็ยังคงต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ในฐานะผู้ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ได้กล่าวถึงนิวนอร์มอลของคนไทยในด้านดิจิทัลว่า ก่อนที่โควิด-19 จะระบาด เราได้เจอกับดิจิทัลดิสรัปชันกันมาก่อน ทำให้คนไทยได้เริ่มปรับตัวกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ประชาชนบางส่วนเริ่มนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการชอปปิงออนไลน์ สั่งอาหารออนไลน์ หรือการประชุมงานผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็ตาม ในส่วนของดีอีเอสเองก็ได้เริ่มปรับตัวมาตั้งแต่เนิ่นๆ เช่นกัน โดยเดินหน้าวางโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพื่อรองรับความต้องการตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ ทำให้อินเทอร์เน็ตเสถียรและครอบคลุมหลายพื้นที่มากขึ้น, เปิดประมูลเครือข่าย 5G เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญต่อไปในอนาคต ทั้งเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ระบบคลาวด์ และบิ๊กดาต้า เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการระบาดของโรค ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ดีอีเอส เองก็ยังคงมีบทบาทในการสนับสนุนประชาชน อาทิ สนับสนุนอินเทอร์เน็ตฟรี 10 GB, โทรฟรี 100 นาที, อินเทอร์เน็ตบ้านราคาถูก รวมถึงร่วมมือกับสตาร์ทอัพชาวไทยนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน ผ่านแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งไทยชนะ, หมอชนะ, Card2U, AOT Airports และเว็บไซต์ ThaiFightCOVID ที่ยังคงมีประโยชน์มาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ นิวนอร์มอลด้านดิจิทัลที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป ยังคงสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานที่มีมาก่อนหน้านี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความร่วมมือครั้งใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าภาคธุรกิจไปพร้อมกับพัฒนาสังคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความตื่นรู้ ตื่นตัว และทำให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ จัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม, บูรณาการข้อมูลด้านสาธารณสุขของประชาชนผ่านระบบบิ๊กดาต้า เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการรักษาพยาบาล, ริเริ่มอาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) ตัวแทนชุมชนที่จะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างทั่วถึง, ขยายศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพราะยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงดิจิทัล จึงจำเป็นต้องอำนวยความสะดวกด้านอุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และไวไฟ ซึ่งภายในปีนี้จะจัดทำได้ทั้งหมด 250 จุดทั่วประเทศ และจะทำต่อเนื่องในปีหน้า, พยากรณ์อากาศ เพิ่มความแม่นยำยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งเครื่องมือพยากรณ์ให้ถี่มากขึ้น เป็นต้น

Advertisement

ในส่วนของการลงทุน ต้องยอมรับว่าวิกฤตที่เพิ่งผ่านไป ส่งผลให้เงื่อนไขการลงทุนเปลี่ยนด้วย เพราะเงินไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังมีเรื่องความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ที่เรามีมาตรฐานการควบคุมโรคที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เป็นสาเหตุให้ ดีอีเอสเดินหน้าเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรองรับการลงทุนในทุกสาขา โดยมุ่งเน้นไปที่เครือข่ายไร้สาย 5G และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เพื่อเปลี่ยนระบบการสื่อสารและการเก็บข้อมูลให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด (e-Government) ตามที่รัฐบาลได้เริ่มไว้เมื่อหลายปีก่อน เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลให้กันได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ก่อนจะนำข้อมูลที่ได้นั้นไปสนับสนุนการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ต่อไป

นอกจากนี้ รายงานการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ ทั่วโลก จากสถาบัน IMD World Competitiveness Center ครั้งล่าสุด ยังเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมที่ชี้ให้เห็นว่าการสนับสนุนเรื่องดิจิทัลที่ ดีอีเอส ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องสำคัญโดยพบว่าประเทศไทยมีอันดับด้านไอทีดีขึ้น ผลมาจากการทำงานของดีอีเอส  โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในการวางยุทธศาสตร์พัฒนาตัวชี้วัดด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เพื่อสะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทย

“ปัจจุบันดิจิทัลได้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนอย่างรวดเร็ว ดีอีเอส จึงมีหน้าที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหา ผลักดัน และทำทุกอย่างให้ตอบรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผมดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 1 ปี ได้ดำเนินนโยบายต่างๆ ไปมากมายแล้ว เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าในเร็วๆ นี้ประชาชนจะเริ่มเห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม” นายพุทธิพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image