‘PEA’ แถลงข่าวการจัดงานสถาปนาองค์กรในโอกาสครบรอบ 60 ปี วันที่ 28 ก.ย. นี้

วันที่ 8 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) นำโดย นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แถลงข่าวเนื่องในโอกาสวันสถาปนาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่กำลังจะครบ 60 ปี ในวันที่ 28 กันยายน 2563 นี้ พร้อมกับเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ “PEA Digital Utility” ส่งเสริมการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี Digital และพลังงานทดแทนมาใช้ ตลอดจนการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านระบบไฟฟ้า และด้านการบริการ แก่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือน

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการไฟฟ้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ PEA ในฐานะผู้ให้บริการพลังงานไฟฟ้าและดำเนินธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้า ให้เกิดความพึงพอใจทั้งด้านคุณภาพและการบริการ โดยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นองค์กรชั้นนำที่ทันสมัยในระดับภูภาค มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม อย่างยั่งยืน ให้บริการพลังงานไฟฟ้าที่มั่นคง ปลอดภัย และมุ่งมั่นให้ประชาชนเข้าถึงไฟฟ้าได้ทุกครัวเรือน

สำหรับก้าวใหม่ของ PEA ในปี 2563 นี้ เป็นก้าวที่สำคัญในการเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล PEA Digital Utility” รองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เท่าทันยุคสมัยของการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้น

Advertisement

ภารกิจหลักของ PEA คือ ทุกพื่นที่ต้องมีไฟฟ้าใช้ จึงจำเป็นที่จะต้องขยายขอบเขตการให้บริการไฟฟ้าเพื่อครอบคลุมในทุกพื้นที่ 74 จังหวัด สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป รวมถึงผู้ใช้ไฟฟ้าด้านอุตสาหกรรมด้วย เนื่องจากผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอุตสาหกรรมต้องการไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและมีปริมาณที่สูง บนพื้นฐานของความมั่นคงและความปลอดภัย พร้อมกับโครงการที่รองรับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตและเศรษฐกิจของไทยต่อไปในระยะยาว

ในปี 2563 PEA มีโครงการหลักในการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าจากผลกระทบ COVID-19 ตามนโยบายรัฐบาลแล้วว่า 7 มาตรการ ในส่วนของการใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น การลดค่าไฟร้อยละ 3, ขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้า 6 เดือน, การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า, ผ่อนผันการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าอัตราขั้นต่ำ, ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วย แก่ผู้มีรายได้น้อย, และส่วนลดค่าไฟฟ้า รวมวงเงินทั้งสิ้นกว่า 2.35 หมื่นล้านบาท

Advertisement

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่เริ่มดำเนินการไปแล้วอย่าง โครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่ดำเนินการติดตั้ง Smart Meter ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Smart Grid ที่พัฒนาจากมิเตอร์ฟ้าแบบจานหมุนปกติ มาเป็น Smart Meter เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ในการวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถควบคุมและสั่งการผ่านตัว Smart Meter ได้ เนื่องจากศูนย์ควบคุมของ PEA จะสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการใช้ไฟได้อย่างเป็นรูปธรรม และจะนำไปสู่นโยบายการประหยัดพลังงานและควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งดำเนินการติดตั้งไปแล้วกว่า 1.1 แสนเครื่อง ยังไม่รวมถึงโครงการ 1 ตําบล 1 ช่างไฟฟ้า, โครงการ PEA ส่งเสริมพลังงานทดแทนเพื่อวิสาหกิจชุมชน, โครงการสนับสนุนครุภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลจังหวัด 77 แห่ง และโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในพื้นที่อุตสาหกรรม EEC เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านคุณภาพไฟฟ้าและการให้บริการสำหรับนิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ

ในอนาคต PEA ยังมีโครงการและนวัตกรรมเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ อาทิ

  • โครงการติดตั้ง Charging Station

เป็นการติดตั้ง Charging Station หรือสถานีชาร์จไฟสำหรับ EV Car แบบ Quick Charge เพื่อรอบรับเทคโนโลยี EV ในรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบชาร์จไฟ ที่จะมีผู้ใช้งานมากขึ้นในอนาคต ปัจจุบันติดตั้งแล้วเสร็จกว่า 11 สถานี ใน 9 จังหวัด และมีเป้าหมายจะติดตั้งให้ครบ 137 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ 75 จังหวัด ภายในปี 2564 และพัฒนาแอปพลิเคชัน PEA VOLTA เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับใช้บริการ Charging Station

  • ระบบบ้านอัจฉริยะ ihapm (Intelligent Home Appliances Power Monitoring)

สามารถควบคุมการสั่งงานไฟฟ้าผ่านทางสมาร์ทโฟน หากมีความผิดปกติในการใช้พลังงานไฟฟ้า จะมีการแจ้งเตือนมายังสมาร์ทโฟน รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยของผู้สูงอายุภายในบ้านอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จและดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณปี 2565

“จากโครงการที่ PEA ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่และจะดำเนินการต่อเนื่องไปเรื่อยๆ รวมถึงโครงการที่ PEA มีแผนจะริเริ่มโครงการในอนาคตด้วยนั้น ทั้งหมดจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งส่วนที่อยู่อาศัยและส่วนอุตสาหกรรมได้ว่า ระบบไฟฟ้าในประเทศไทยจะมีความมั่นคงขึ้น ปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะผู้ใช้ไฟฟ้าส่วนอุตสาหกรรม จะมีระบบไฟฟ้าที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ รวมถึงปริมาณไฟฟ้าที่มากพอ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่กำลังจะเข้ามาลงทุนด้านอุตสาหกรรมในประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจะเกิดผลดีต่อการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ในอนาคต PEA จะยกระดับไฟฟ้าให้เป็นเลิศด้วยดิจิทัล เชื่อมโยงลูกค้าด้วยเทคโนโลยี ปรับเปลี่ยนให้องค์กรมีความทันสมัย เสริมสร้างบุคลากรแห่งอนาคตและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ทั่วไทย” นายสมพงษ์ กล่าวเสริม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image