นักวิชาการเผย โควิดซา คนว่างงานน้อยลง แต่ทิ้งแผลเป็นทางเศรษฐกิจคนเจนเอ็กซ์ / เจนวาย วัย 25 – 55 ปี รายได้ลด หนี้เพิ่ม

นักวิชาการเผย โควิดซา คนว่างงานน้อยลง แต่ทิ้งแผลเป็นทางเศรษฐกิจคนเจนเอ็กซ์ / เจนวาย วัย 25 – 55 ปี รายได้ลด หนี้เพิ่ม บัณฑิตใหม่ไร้ทักษะวัยทำงาน

VIDEO CONTENT AVERTISEMENT

ผศ.ดร.สุกานดา เหลืองอ่อน ลูวิส ผอ.ภารกิจการวิเคระห์สถานการณ์ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานวิจัยภายใต้ชุดโครงการ “ศึกษาผลกระทบ มาตรการ และโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีจากการระบาดของโรคโควิด-19” ซึ่งผลการวิจัยในชุดโครงการนี้  สกสว. จะนำไปพัฒนาโปรแกรมวิจัยที่ 17 การแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ ในแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผน ววน.) โดยชุดโครงการนี้ ประกอบด้วย 7 โครงการวิจัย คือ 1.ผลกระทบของโควิด-19 ต่อชีวิตของกลุ่มคนไร้บ้านและคนจนเมือง 2.การศึกษาผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ จากสถานการณ์การระบาดของ โควิด-19 : กลไกการรับมือ มาตรการช่วยเหลือ และวางแผนระยะยาว 3.การเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม หลังวิกฤตโควิด-19 4.บทเรียนการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์เพื่อการควบคุมโรคและแนวโน้มการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีหลังวิกฤตโควิด-19 5.ความจำเป็นต้องจ้างแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย 6.โครงการ Social Monitoring สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย 7.โครงการศึกษาพลวัตของความเหลื่อมล้ำในมิติรายได้และการบริโภคของครัวเรือนไทยและพลวัตของโครงสร้างของตลาดแรงงานไทยใน 3 ทศวรรษ

ADVERTISMENT

ดร.สมชัย จิตสุชน นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวให้ข้อมูลจาก“ โครงการศึกษาผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 : กลไกการรับมือ มาตรการช่วยเหลือ และวางแผนระยะยาว” ว่า งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการประมวลผลกระทบเชิงสังคมจากโควิด-19 เพื่อนำไปสู่การพัฒนานโยบายและสื่อสารข้อมูลสู่สาธารณชน

จากการสำรวจผลกระทบจากโควิด-19 ทางด้านเศรษฐกิจพบว่า ประชากร ร้อยละ 73.2 มีรายได้ลดลงหลังเกิดการระบาด โดยร้อยละ 39.9 มีรายได้ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง ผู้มีการศึกษาต่ำมีความเสี่ยงที่รายได้ลดมากกว่าผู้มีรายได้สูง ประชากรร้อยละ 8 ย้ายที่อยู่ระหว่างการระบาด คาดว่าย้ายกลับภูมิลำเนาร้อยละ 16.2 (ไม่รวมกลุ่มข้าราชการและพนักงานของรัฐ) มีบุคคลกลายเป็นคนว่างงาน ร้อยละ 1.7 โดยออกจาก แรงงานรับจ้างทั่วไปหรือที่ทำงานแบบไม่ประจำมากสุด ด้านผู้ประกอบการต่างปิดตัวลงไปตามๆ กัน มีเพียงร้อยละ 65 เท่านั้นที่ยังคงเปิดกิจการต่อด้วยจำนวนลูกจ้างเกิน 10 คน คนเคยว่างงานหรืออยู่นอกกำลังแรงงานจำนวนหนึ่งต้องพยายามกลับมาหางานทำ กว่าร้อยละ 70 ถูกกระทบจากโควิดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น ถูกพักงาน เลิกจ้าง ยอดขายลดลง หรือปิดกิจการ และทุกมาตรการ “ปิดเมือง” มีผลกระทบต่อการทำมาหากินทั้งสิ้น

ADVERTISMENT

ผลกระทบด้านสังคม ประชากร ร้อยละ 49 มีความวิตกกังวลถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตทั้งความไม่สะดวกในการเดินทาง และความไม่สะดวกในการรับบริการทางการแพทย์กรณีเจ็บป่วย ร้อยละ 46 ของครัวเรือนที่มีเด็กวัยเรียน ตอบว่าไม่พร้อมที่จะเรียนระบบออนไลน์ เนื่องจากไม่มีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก/แท็บเล็ตเหตุผลรองลงมา เนื่องจากผู้ปกครองไม่มีเวลาในการช่วยเหลือบุตรหลานในการเรียนออนไลน์

สำหรับประเด็นการว่างงาน  จากการปิดเมือง ผลการสำรวจช่วงที่ 1 เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทั่วประเทศไทย มีคนที่ตกงานหลังสถานการณ์โควิด ประมาณ 5.69 ล้านราย เยาวชนอายุ 15 – 24 ปี หรือกลุ่มเจน และผู้ทำอาชีพรับจ้างทั่วไปไม่ประจำ (ลูกจ้างรายวัน/ผู้รับเหมาช่วง) เป็นกลุ่ม เป็นผู้เสี่ยงตกงานมากที่สุดจากการปิดเมือง

ผลการสำรวจครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม  2563 พบว่าสัดส่วนคนว่างงานน้อยลงเหลือประมาณ 3.4 ล้านราย แต่พบแผลเป็นทางเศรษฐกิจ คือ บัณฑิตจบใหม่เป็นผู้ว่างงานเป็นระยะเวลานานจนสูญเสียทักษะคนวัยทำงานเต็มตัว อย่าง เจนเอ็กซ์ (40 – 55 ปี) และ เจนวาย  (25 – 39 ปี) เป็นผู้มีรายได้ลดลง แต่หนี้สินครัวเรือนเพิ่ม ทำให้การขยับสถานะทางสังคม (social mobility) เป็นไปได้ยากขึ้น เทคโนโลยีทดแทนแรงงาน ในกระบวนการผลิตหรือการให้บริการรวดเร็วขึ้น เด็กนักเรียนขาดการเรียนหรือการได้รับโภชนาการที่เหมาะสม เกิดความความเหลื่อมล้ำในทุนมนุษย์ ลดศักยภาพในการขยับสถานะระหว่างรุ่น การสร้างงานและส่งเสริมศักยภาพแรงงานในระยะยาว สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไข นักศึกษาจบใหม่ปีการศึกษา 2563 จำนวน 5 แสนคน สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นผู้ว่างงาน โครงการต่างๆ ที่ช่วยเหลือ อาจจะรับรองได้ไม่หมด

ด้าน ผศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยข้อมูลจากการศึกษาเรื่อง “ผลกระทบของโควิด-19 ต่อชีวิตของกลุ่มคนไร้บ้านและคนจนเมือง” ที่ศึกษาจาก การสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม การสำรวจเชิงปริมาณ สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างคนไร้บ้านจำนวน 137 คน โดยทำงานร่วมกับมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย และมูลนิธิกระจกเงา โดยพบว่าโจทย์สำคัญสำหรับสวัสดิการสังคมหลังโควิด-19 คือ 1.ควรมีฐานข้อมูลแรงงานนอกระบบที่ครอบคลุมทันสมัย 2.ควรพัฒนาระบบสวัสดิการให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ อย่าง การมี “รายได้พื้นฐานถ้วนหน้า” หรือ UBI  มีบำนาญถ้วนหน้าหรือไม่ อย่างไร เนื่องจากประกันสังคมมาตรา 40 ยังไม่จูงใจคนเข้าร่วม 3.ควรทำให้แรงงานนอกระบบเข้าถึงสินเชื่อต้นทุนต่ำ เนื่องจากเรื่องกองทุนหมุนเวียนในชุมชนยังมีถูกหยิบยกมากล่าวถึงในช่วงโควิด นอกจากนี้ ความท้าทายด้านสวัสดิการของประเทศไทย สำหรับคนไร้บ้านในสถานการณ์โควิด-19 คือ สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งมีข้อกัดหลายประการ เช่น อยู่ไกลผู้รับบริการส่วนใหญ่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ศูนย์ที่พักทางเลือกโดยองค์กรพัฒนาเอกชน เช่น มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย มีการจัดการยืดหยุ่นกว่า มีข้อดีด้านความสะดวกในการเข้าถึง จึงอาจต้องมีมาตรการแก้ไขช่องว่างนี้

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image