Hotels.com เผยไทยติดอันดับ 2 ของประเทศที่ชาวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว

Hotels.com เผยไทยติดอันดับ 2 ของประเทศที่ชาวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว และ 1 ใน 3 ระบุว่าจะยังคงใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้นแม้เศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัว

กรุงเทพฯ 17 สิงหาคม 2559 – Hotels.com เผยผลสำรวจข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน หรือ Chinese International Travel Monitor (CITM) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5พบว่า 92% ของนักท่องเที่ยวชาวจีนมีแผนที่จะใช้จ่ายเงินในปริมาณเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น และ 1 ใน 3 ระบุว่าจะยังคงใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้นแม้เศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัว การสำรวจจัดทำโดยอิปซอสส์ (Ipsos) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดชั้นนำของโลก โดยสำรวจนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 3,000 คน ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงเป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก และมีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันจีนมีประชากรจำนวนมหาศาลถึงเกือบ1.4 พันล้านคน แต่มีเพียง 5% เท่านั้นที่ทำพาสปอร์ตแล้ว[1] ดังนั้นการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนจึงยังมีช่องว่างให้ขยายตัวได้อีกมาก

 

10 อันดับประเทศ/ภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางไปเยือนมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

Advertisement
อันดับ 2557 2558
1 สหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกา
2 ไทย ไทย
3 ฮ่องกง ญี่ปุ่น
4 ญี่ปุ่น ฮ่องกง
5 ไต้หวัน ไต้หวัน
6 เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย
7 ฝรั่งเศส เกาหลีใต้
8 ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส
9 อิตาลี อิตาลี
10 สหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักร

 

จุดหมายปลายทางยอดนิยม

จากสถิติการจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ Hotels.com ในสาธารณรัฐประชาชนจีน พบว่าประเทศหรือภูมิภาคที่ชาวจีนนิยมเดินทางไปมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือประเทศสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยประเทศไทย ส่วนเมืองที่ชาวจีนจองห้องพักมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 2 อันดับแรก คือฮ่องกง และกรุงเทพฯ ส่วนเชียงใหม่ติดเข้ามาในเมืองยอดนิยม 10อันดับเป็นครั้งแรก เมื่อสอบถามนักท่องเที่ยวชาวจีนว่าประเทศใดมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากที่สุด ออสเตรเลียนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยญี่ปุ่นและฮ่องกง ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 และเมื่อถามว่าประเทศใดให้การต้อนรับแบบเป็นมิตรมากที่สุด นักท่องเที่ยวชาวจีนตอบว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และไทย ตามลำดับ

นายอภิราม ชาวดรีย์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการของ Hotels.com ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ผู้ประกอบการโรงแรมควรทำความเข้าใจว่านักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ได้เหมือนกันไปหมด และควรนำเสนอบริการที่เหมาะกับแต่ละกลุ่ม จึงจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้มากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน คือกลุ่มที่ชอบท่องเที่ยวแบบเจาะลึก และกลุ่มที่ท่องเที่ยวเป็นครอบครัว แต่จากผลการสำรวจคาดว่ากลุ่มที่มีแนวโน้มจะเติบโตมากที่สุดในอนาคต คือกลุ่มที่ท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นคนยุคมิลเลนเนียล(อายุต่ำกว่า 35 ปีลงมา) ซึ่งหลายคนใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวต่อวันสูงถึง 474 เหรียญสหรัฐ หรือราว 16,000 บาท เลยทีเดียว”

ผลการสำรวจยังระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียล (คนที่อายุต่ำกว่า 35 ปีลงมา) ใช้จ่ายเงิน 27% ของรายได้ต่อปีไปกับการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับชาวจีนกลุ่มอื่นๆ โดยจากการสำรวจผู้ประกอบการโรงแรมแสดงให้เห็นด้วยว่าผู้เข้าพักชาวจีนในกลุ่มมิลเลนเนียลมีจำนวนเพิ่มขึ้น 12% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เข้าพักชาวจีนโดยรวมที่เพิ่มขึ้น 11% โดยผู้ประกอบการโรงแรมในไทย 72% ระบุว่าผู้เข้าพักชาวจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30% และ 78% เป็นกลุ่มที่เดินทางมาท่องเที่ยวด้วยตนเอง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กำลังเติบโตเป็นกลุ่มคนที่มีอายุน้อย และไม่ได้มาแบบกรุ๊ปทัวร์ รวมทั้งกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบัน

เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่นักท่องเที่ยวชาวจีนใช้เลือกโรงแรมที่พัก พบว่าความปลอดภัย ความสะดวกสบาย จำนวนดาว สิ่งอำนวยความสะดวก และราคา ยังคงมาเป็นอันดับต้นๆ แม้ว่าจะมีสัดส่วนลดลง 5% ในทุกหัวข้อเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกสิ่งที่สำคัญและควรได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ตรงใจ ได้แก่ รองรับการจ่ายด้วยบัตรยูเนียนเพย์ (UnionPay) มีร้านอาหารจีนให้บริการในโรงแรม มีพนักงานที่สื่อสารภาษาจีนได้ และให้บริการลูกค้าผ่านแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ยังเห็นได้จากช่องทางที่นิยมใช้จองห้องพัก โดย 74% จองผ่านผู้ให้บริการจองห้องพักออนไลน์ และอุปกรณ์ที่ใช้จองมากที่สุดคือโทรศัพท์มือถือมากถึง 62% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10%

TH_Hotels.com 2016 CITM infographic

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image