ไมซ์ไทยเฮ!!หลังครม.ไฟเขียว“วันไมซ์แห่งชาติ”26เม.ย.ของทุกปี “TCEB”เปิด16ปีทำสถิติสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า1.75ล้านล้าน

TCEB” ทำสำเร็จแล้ว หลังครม.อนุมัติ “วันไมซ์แห่งชาติ” 26 เมษายน ของทุกปี ปลุกทุกภาคส่วนร่วมตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความสำคัญอุตสหกรรมไมซ์ไทยก่อกำเนิดมายาวนานเกือบ 140 ปี ริเริ่มจัดครั้งแรกรัชกาลที่ 5 เมื่อ 26 เมษายน 2425 ตลอด 16 ปีก่อตั้งทีเส็บนำไมซ์ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 1.75 ล้านล้านบาท หลังโควิดพร้อมลงสนามแข่งชิงตลาดโลกมาไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เห็นชอบให้ประกาศ “วันจัดประชุมและนิทรรศการแห่งชาติ” คือวันที่ 26 เมษายน ของทุกปี โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่ทีเส็บร่วมดำเนินงานกับกองทุนส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติครั้งแรกของประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อ  26 เมษายน 2425 ด้วยพระราชปณิธานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เพื่อเผยแพร่และส่งเสริมสินค้าไทยจากทั่วประเทศ ประการสำคัญเลือจัดกลางท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองพระนครร้อยปี จนถึงปัจจุบันแม้จะผ่านมาเกือบ140 ปี การจัดงานแสดงสินค้าก็มีวัตถุประสงค์เดียวกัน

เมื่อไทยประกาศวันจัดประชุมและนิทรรศการของชาติจะช่วยเพิ่มความตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ต่อการพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีต รวมถึงปัจจุบันการจัดประชุม การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ ก็ยังเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล พัฒนาการในการใช้กิจกรรมไมซ์ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของชาติจากอดีตถึงปัจจุบันสามารถแบ่งได้ 3 ยุค คือ

Advertisement

ยุคที่ 1 ช่วงฟื้นฟูประเทศในตอนต้นรัตนโกสินทร์ (สมัยรัชกาลที่ 1 – รัชกาลที่ 3) เป็นการประชุมและแสดงสินค้าเพื่อฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ

ยุคที่ 2 ช่วงสยามสู่เวทีโลก (สมัยรัชกาลที่ 4 – สมัยรัชกาลที่ 8) เป็นปฐมบทสู่เวทีโลก ใช้การจัดประชุมและการแสดงสินค้าเพื่อความภาคภูมิ และปูทางสู่การแก้ไขสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมกับนานาประเทศ

ยุคที่ 3 ช่วงสร้างความเป็นปึกแผ่นอุตสาหกรรมไมซ์ (สมัยรัชกาลที่ 9 จนถึงปัจจุบัน) ก้าวเข้าสู่ไมซ์ยุคใหม่ ที่เกิดสมาคมภาคเอกชนต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ

นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ขณะนี้ไมซ์ได้ขยายบทบาทเพิ่มทั้งด้านการ สร้างสรรค์ การพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมทั้งมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ จากนโยบายของทีเส็บได้กระจายการพัฒนา และโอกาสของธุรกิจไมซ์ไปยังผู้ประกอบการ และชุมชนในไมซ์ซิตี้ 10 จังหวัด ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่ครองอันดับหนึ่งด้านการจัดประชุมนานาชาติของอาเซียน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ระหว่าง ปี 2559-2561 และเป็นประเทศที่จัดประชุมนานาชาติมากที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย รองจากญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้

สถิติอุตสาหกรรมไมซ์ตลอด 16 ปี ที่มีการจัดตั้งทีเส็บ พบว่าประเทศไทยมีนักเดินทางไมซ์จากทั้งในและต่างประเทศมากถึง 191,747,994 คน สร้างรายได้ 1,756,739 ล้านบาท ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 อุตสาหกรรมไมซ์ไทยสร้างรายได้ทางตรงและทางอ้อมต่อระบบเศรษฐกิจ 728,540 ล้านบาท และการจ้างงาน 426,616 อัตรา

ระหว่างนี้ทีเส็บยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนไมซ์โดยเน้นพัฒนาระบบ โครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาคนและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงประเทศไทยพร้อมลงสนามแข่งขันทันที เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมไมซ์ที่ก่อกำเนิดและพัฒนาการเติบโตต่อเนื่องก้าวเข้าสู่ปีที่ 140 แล้วนั่นเอง

เรื่องโดย…เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image