วิกฤตน้ำมันดันต้นทุนพุ่ง ซีอีโอ NEX แนะผู้ประกอบการหันมาใช้รถบรรทุก EV

นายคณิสสร์  ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX  เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้บริษัทแอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) ว่า ขณะนี้การก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของ NEX ดำเนินไปกว่า 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตามแม้โรงงานจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่ก็ได้เริ่มกระบวนการผลิตแล้วตามออเดอร์ที่มีเข้ามา โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งมอบรถบัสไฟฟ้าไปแล้ว 120 คัน และกำลังจะทยอยส่งมอบอีกประมาณ 400 คัน นอกจากนี้ยังมีลูกค้ารายใหม่ให้ความสนใจเข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากดูจากกระแสความต้องการการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีออเดอร์ภายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน และเมื่อโรงงานสร้างเสร็จเรียบร้อย NEX จะเริ่มกระบวนการผลิตอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้า ซึ่งกำลังการผลิตอยู่ที่ปีละ 6,000 คัน

ซีอีโอ NEX กล่าวต่อว่า ทั้งนี้รถ EV ของ NEX มีความหลากหลาย อาทิ รถมินิบัสที่จะนำมาใช้ทดแทนรถตู้ รถบัสโดยสารขนาดใหญ่ รถบรรทุก รถขยะ รถพ่นน้ำ รถหัวลาก รถตู้ขนส่งสินค้า รถที่ใช้ในสนามบิน และกลุ่มลูกค้าก็มีความหลากหลายทั้งที่เป็นต่างชาติ อาทิ บริษัท ล็อตเต้ เรนท์-อะ-คาร์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทซูซูโย จำกัด และลูกค้ารายใหญ่ในประเทศไทย อาทิ บริษัทบุญรอดซัพพลายเชน และกลุ่มรถร่วมบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) ก็เปิดออเดอร์กับบริษัทแล้ว นอกจากนี้ยังมี 6 บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจติดต่อเข้ามาเจรจา เพราะเชื่อว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ทั้งยังตอบโจทย์เรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งใน CSR ของบริษัท

“ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนมาใช้รถ EV จะช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลงให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่ต้องใช้น้ำมัน และการดูแลรักษาก็ง่ายกว่ารถเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป แม้ว่าการลงทุนเริ่มแรกราคารถ EV อาจจะแพงกว่ารถดีเซลแต่ความคุ้มทุนมีมากกว่า ซึ่งเมื่อคำนวณจากราคาน้ำมัน ณ ปัจจุบัน รถ EV จะช่วยเซฟต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 1,100,000 บาทต่อปี ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนมาใช้รถ EV เชื่อว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี และหากราคาน้ำมันยังคงปรับเพิ่มก็จะยิ่งคืนทุนได้เร็วขึ้น” นายคณิสสร์กล่าว

Advertisement

นายคณิสสร์ กล่าวด้วยว่า รถ EV ทุกรุ่นของ NEX เป็นรถที่ผลิตในประเทศไทย โดยโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยโดยนำหุ่นยนต์มาใช้เพื่อความแม่นยำในการผลิต มีกระบวนการชุบเคลือบผิวรถด้วยระบบ EPD ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานให้กับตัวถังรถ ซึ่งโรงงานมีบ่อชุบตัวถังที่สามารถหย่อนรถบัสโดยสารลงไปได้ทั้งคัน พร้อมมีบริการหลังการขาย ในส่วนของแบตเตอรี่รับประกันถึง 5 ปี และเป็นแบตเตอรี่ที่ผลิตขึ้นเองภายในประเทศ มีการวางแผนและออกแบบระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่ผลิต นำไปใช้ การนำกลับมารีไซเคิล และกำจัดทิ้งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต การซื้อรถ EV ที่ผลิตในประเทศไทยถือเป็นการช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย และในเร็วๆนี้ทราบว่ารัฐบาลเตรียมจะออกมาตรการทางภาษีที่ชัดเจน เพื่อสนับสนุนให้คนไทยใช้รถ EV โดยจะมีผลบังคับใช้ปี 2565 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแจ้งเกิดมากขึ้น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image