มหาดไทยเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน ผ่านพ้นทุกวิกฤต

หลังจากตอนที่แล้วที่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้เปิดเผยถึงหลายโครงการที่ทางกระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนในทุกมิติ
ผลปรากฏว่าหลายโครงการเห็นผลสัมฤทธิ์ทันที และทำให้พี่น้องประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองฟันฝ่าช่วงวิกฤตได้

ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ระบุเพิ่มเติมถึงมาตรการแนวทางล่าสุด ที่ใช้แก้ปัญหาผลกระทบเนื้อหมูที่มีราคาแพงว่า ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยประชาชน จึงได้มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะที่มีกลไกในระดับจังหวัด-ท้องถิ่น ลงไปขับเคลื่อน ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหานี้เพิ่มเติมเร่งด่วนครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาต้นทาง นั่นคือการคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF (African swine fever)

นายสุทธิพงษ์ระบุว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้เข้ามาเร่งแก้ปัญหานี้ ในการช่วยกันควบคุม สอดส่องดูแล และเพื่อเป็นการป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ค้าผู้ประกอบการ พร้อมให้ทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุมโรค โดยมอบหมายปศุสัตว์จังหวัดเป็นเลขานุการ และให้เร่งสำรวจข้อมูลฟาร์มสุกร/จำนวนสุกร/ผู้เลี้ยงสุกร ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ที่ได้รับความเสียหายจากการระบาดของโรค ASF ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน พร้อมเตรียมมาตรการเยียวยาตามระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 พิจารณาออกปฏิบัติหน้าที่ในการสำรวจการกักตุนในพื้นที่ และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด โดยเน้นกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เฝ้าระวัง ควบคุมการเคลื่อนย้ายสุกรและซากให้เป็นไปตามมาตรการทางกฎหมาย ซึ่งมีโทษสูงสุด จำคุก 2 ปี ปรับ 40,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Advertisement

ขณะเดียวกัน ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตรวจตราป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร และกำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอให้อำเภอกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบสุกรป่วยหรือตายผิดปกติให้แจ้งอาสาปศุสัตว์ประจำหมู่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที

ทั้งนี้ มท.ได้เน้นย้ำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วม รับทราบข้อมูลข่าวสารและช่วยเฝ้าระวัง แจ้งเหตุ ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมทุกพื้นที่ หรือผ่านโทรศัพท์สายด่วน 1567

ปลัด มท.ระบุว่า “พล.อ.อนุพงษ์ ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนมาโดยตลอด พร้อมเน้นย้ำกับหน่วยงานในสังกัดให้สอดส่องดูแลเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชนเร่งด่วน ส่วนผู้ประกอบการขออย่าได้ซ้ำเติมประชาชนฉวยโอกาสกักตุน จากข้อสั่งการผ่านกลไกต่างๆ หากพบว่ามีการฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดด้วย  พร้อมกันนี้ยังขอให้เร่งตรวจสอบข้อมูลและตรวจตราสินค้าบริโภคอุปโภคอื่นๆ ไม่ให้ฉวยโอกาสนี้ขึ้นราคาด้วย และได้สั่งการให้อธิบดีกรมการปกครองกำชับกวดขันนายอำเภอทุกแห่งเร่งดำเนินการแล้วรายงานผลการปฏิบัติงานให้ทราบทุกสัปดาห์จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ”

ไม่ใช่แค่ปัญหาโรคระบาดในสุกรเพียงแค่นั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ความกังวลของประชาชนที่มีต่อผลกระทบเรื่องโควิด-19 ทาง ปลัด มท.ก็ระบุว่าได้สั่งการไปจำนวนมาก และยังคงใช้กลไกต่างๆ ขับเคลื่อนอย่างเข้มข้นอยู่ตลอด ไม่ใช่เฉพาะตอนที่สายพันธุ์โอมิครอนระบาดอยู่เท่านั้น เราใช้หลักการเดียวกันหมดตั้งแต่การระบาดระลอกแรก คือ การเน้นย้ำการป้องกัน การปฏิบัติตนตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

ประการต่อมาคือการพยายามระดมเชิญชวน ให้คนมาฉีดวัคซีน เข็ม 1, 2, 3 หรือ 4 ให้ได้ครบให้ได้มากที่สุด และถือเป็นโชคดีของประชาชนด้วยว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระเมตตาห่วงใยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า โดยมีพระราชดำริผ่านทางกระทรวงมหาดไทย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้นายอำเภอให้ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและทุกภาคส่วนอย่างเคร่งครัด ในการที่จะนำคนมาฉีดวัคซีน โดยไม่เลือกเชื้อชาติ เพศ ศาสนา และ ให้บุคคลต่างด้าวหรือบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย แต่มาอยู่ในแผ่นดินไทยทุกคนเข้าถึงการฉีดวัคซีน พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตา ขอให้ทางกระทรวงมหาดไทยรณรงค์เชิญชวน และนำคนมาฉีดวัคซีนให้ครบ จนบางจังหวัดก็มีการฉีดกันเกิน 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว นั่นหมายความว่าเกินจำนวนประชากรที่มีชื่ออยู่ในระบบทะเบียนบ้าน ตรงนี้จะเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้เราลดการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการป่วยได้

ส่วนที่สำคัญต่อมาคือ ในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือการมีอาการหรือสงสัยว่าจะมีอาการก็ให้ทางทุกจังหวัดทุกอำเภอ และท้องถิ่นทั้งหมด ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้คนต้องตรวจเอทีเค ซึ่งตอนนี้สามารถตรวจได้เองในราคาที่ถูกลง หรือว่าทางผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำท้องถิ่นหลายจังหวัด ได้กรุณาจัดชุดตรวจเอทีเคมาตรวจเชิงรุกมากขึ้น ถือว่าเป็นมาตรการที่ทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้

อีกประการหนึ่งที่เป็นตัวอย่างที่น่าชมเชย เช่น ที่ จ.อุดรธานี มีบริการฉีดวัคซีนถึงที่ในสนามบิน ในส่วนนี้ได้รับคำชื่นชมจากนายกรัฐมนตรี ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถบริหารจัดการเรื่องการฉีดวัคซีนได้อย่างกว้างขวาง และทำได้ดีมาก

พร้อมกันนี้กระทรวงมหาดไทยยังได้ส่งเสริม กิจกรรมที่จะทำให้สุขภาพแข็งแรง รณรงค์ให้ทุกครัวเรือนได้ปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกสมุนไพร ที่เชื่อกันว่ามีฤทธิ์ในการให้ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี เช่น กระชาย พริก มะนาว มะกรูด ปลูกผักสวนครัวต่างๆ ที่จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ในส่วนนี้แล้วก็รณรงค์ควบคู่กันไปว่าเมื่อเราได้ออกกำลังกายและทำกิจกรรมอยู่ที่บ้าน ขณะเดียวกันก็ช่วยทำในเรื่องของการลดรายจ่าย มีอาหารปลอดภัยไว้รับประทานอีก

ดังนั้น ภาพรวม กระทรวงมหาดไทยเราถือหลักว่ากันไว้ดีกว่าแก้ และที่สำคัญที่สุดคือการไม่ประมาท โดยที่เราก็ไม่ตื่นตระหนกตกใจเกินเหตุ ให้ใช้ชีวิตกันอย่างมีสติ เพราะฉะนั้นจากมาตรการที่เกิดขึ้นทั้งหมด เราก็มั่นใจว่าทุกจังหวัดทุกอำเภอ ทุกท้องถิ่นทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัด จะนำทัพฟันฝ่าปัญหาทั้งหมดนี้ไปได้

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงแค่กระทรวงมหาดไทย แต่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทุกหน่วยงานท้องถิ่นและภาคประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงภาคีเครือข่าย ทุกอย่างทุกคนทุกกลไกล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะช่วยกันขับเคลื่อน เพื่อให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยด้วยกันทั้งหมด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image