เริ่มแล้ว !! งานสตาร์ทอัพและอินโนเวชั่น ไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2022 ในรูปแบบเมตาเวิร์ส

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงานสตาร์ทอัพและอินโนเวชั่น ไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2022 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022: SITE 2022) ในรูปแบบอวาตาร (Avatar) นับเป็นมิติใหม่ของการเปิดงานบนโลกเมตาเวิร์ส (Metaverse) ครั้งแรกของเมืองไทย พร้อมย้ำว่า Metaverse คือนวัตกรรมเปลี่ยนโลก และเป็นกุญแจสำคัญของการก้าวไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการผลักดันนโยบายการตลาดเชิงวัฒนธรรม หรือ Soft Power ของไทยทั้ง 5Fs (Food, Film, Fashion, Fighting และ Festival) ให้เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าหลายคนคงแปลกใจที่วันนี้ไม่ได้เห็นตัวจริงของผมในงานสตาร์ทอัพและอินโนเวชั่น ไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2022 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 : SITE 2022) แต่เห็นผมในรูปแบบอวตารแทน เราต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพัฒนาไปเร็วมาก เรื่องของจักรวาลนฤมิตหรือ Metaverse เป็นสิ่งที่ทั้งภาครัฐ นักธุรกิจ และผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจ ผมถือว่า Metaverse คือนวัตกรรมเปลี่ยนโลก หลายคนอาจจะยังไม่รู้ไม่เข้าใจว่า Metaverse คืออะไร แต่หากเข้าใจจะเห็นโอกาสมากขึ้นและสามารถสร้างประโยชน์ สร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ๆ จากแพลตฟอร์มนี้ได้ เรียกได้ว่า Metaverse เป็นกุญแจสำคัญสู่การเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และอาจทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่ามหาศาล นอกจากนี้ ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการผลักดันนโยบายการตลาดเชิงวัฒนธรรม หรือ Soft Power ของไทยทั้ง 5Fs ให้เกิดขึ้นได้”วันนี้ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะ Reconnecting the World เราพร้อมที่จะเปิดบ้าน และขยายธุรกิจ เพื่อหาโอกาสใหม่แห่งการเติบโตอย่างยั่งยืน

Advertisement

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวเสริมว่า “ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกไม่เพียงเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิต สังคม และเศรษฐกิจ แต่ยังเผชิญหน้ากับวิกฤตสภาพอากาศและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่ในวิกฤตเหล่านั้นทำให้มองเห็นความท้าทายที่จะสร้างให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย “นวัตกรรมและเทคโนโลยี” จะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกคนสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และก้าวเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเมืองหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งการเปิดเมืองจะเป็นการเชื่อมโลกและประเทศไทยกลับมาด้วยกัน

สืบเนื่องจากที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค การจัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 (SITE 2022) ปีนี้ จึงได้ชูประเด็น “เมืองนวัตกรรม” (Innovation City) ภายใต้แนวคิด ‘Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน’ เพื่อแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศมีเมืองนวัตกรรมที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และพร้อมจะเชื่อมต่อกับเมืองนวัตกรรมจากทั่วโลก (Global Innovation City) เพื่อสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และร่วมฟื้นฟูให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสากล นอกจากนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่ต้องการสร้างเวทีแสดงศักยภาพของ “นวัตกรรมไทย” และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความท้าทายให้กับคนไทย และสามารถนำไปต่อยอดหรือขยายผลในมิติต่างๆ มากขึ้น

Advertisement

งาน SITE 2022 จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ณ อาคารอุทยานนวัตกรรม (ซอยโยธี) และทางออนไลน์จัดในรูปแบบจักรวาลนฤมิต (Metaverse) ระหว่างวันที่ วันที่ 23 – 25 มิถุนายนนี้ ผ่านเว็บไซต์ https://site.nia.or.th ซึ่งประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) Metaverse Forum เวทีหลักที่รวบรวมสุดยอดสตาร์ทอัพและนวัตกรชั้นนำของเมืองไทย และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ กว่า 70 ท่าน เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ กว่า 35 หัวข้อ 2) Opportunity โอกาสสำคัญในการจับคู่ค้าทางธุรกิจผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น Metaverse Marketplace ตลาดจำหน่ายสินค้านวัตกรรมจากสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม กว่า 100 บูธ ที่มาแนะนำสินค้าและบริการล้ำสมัย และ Business Consulting บริการให้คำปรึกษาออนไลน์จากสุดยอดเมนเทอร์ ผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ท่าน ใน 10 สาขาธุรกิจ และ Business Matching กิจกรรมจับคู่ธุรกิจของสตาร์ทอัพผ่านการ pitching ธุรกิจให้แก่นักลงทุน และ 3) Show นำเสนอเรื่องราวนวัตกรรมที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ทางนวัตกรรมของประเทศไทย ในพื้นที่นวัตกรรมต่างๆ ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้ที่นำไปสู่การขยายผลเชิงพาณิชย์และมีการใช้จริงภายใต้แนวคิด ‘Innovation for Crafted Living: นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image