สำหรับธุรกิจที่ได้ทำการตลาดออนไลน์มาในปี 2022 คงจะเริ่มเห็นความสำคัญของการทำ SEO มาพอสมควรแล้ว เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ SEO กลายเป็นช่องทางหลักที่ดึงดูดลูกค้าเข้ามายังเว็บไซต์และสามารถสร้างยอดขายได้ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงเท่ากับการตลาดช่องทางอื่นๆ ทำให้การทำ SEO กลายเป็นการตลาดที่น่าจับตามองและนำมาต่อยอดในปี 2023 ซึ่งหลายคนอาจยังมีคำถามเกี่ยวกับวิธีทำ SEO ให้อันดับดีขึ้น บทความนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
วิธีทำ SEO นั้นมีหลายรูปแบบ แต่แบบที่ SEO Agency อย่าง Pacy Media แอบกระซิบมาว่าสำคัญที่สุดก็คือการให้ความสำคัญกับโครงสร้างเว็บไซต์ เนื้อหาบนเว็บไซต์ รวมถึงการทำ SEO แบบถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของ Google เพราะจะช่วยให้การทำ SEO ในปี 2023 ประสบความสำเร็จ ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่ของ Google มีอะไรบ้าง พร้อมแล้วเริ่มเลย!
ทำไมการทำ SEO แบบถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของ Google จึงสำคัญ
Google ต้องการให้ผลการค้นหาที่ขึ้นมามีคุณภาพที่สุด และตอบโจทย์ของผู้ที่เข้ามาค้นหามากที่สุด ทำให้ Google ต้องเลือกเฉพาะเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพจริงๆ เชี่ยวชาญจริง การทำ SEO ในรูปแบบที่เป็นการปั่นหรือการสแปมอาจไม่ได้ส่งผลดีในระยะยาวอีกต่อไป
ข้อมูลที่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ก็คงหนีไม่พ้น Google Algorithm ที่มีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ โดยล่าสุดได้มีการอัปเดต Algorithm ด้าน SEO ที่ชื่อว่า Helpful Content Update ซึ่งจะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่มีคุณภาพเป็นหลัก
นอกจากนี้ ปลายปี 2022 ทาง Google มีอัปเดต Algorithm ชื่อ Spam Update ซึ่งจะคัดกรองเว็บไซต์ที่เป็นสแปมหรือมีการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์ที่เป็นสแปมออก ทำให้เห็นชัดเจนว่าแนวทางของ Google คือการผลักดันให้เว็บไซต์ต่างๆ ปรับเรื่องคอนเทนต์
สำหรับใครที่กำลังจะใช้บริการรับทำ SEO อยู่ ไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่หรือฟรีแลนซ์ ก็ควรลองดูด้วยว่ามีการให้ความสำคัญกับเรื่อง Helpful Content มากน้อยแค่ไหน
Helpful Content Update มีผลต่อวิธีทำ SEO อย่างไร
วิธีการทำ SEO อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนไปหลังจากที่ Google อัปเดต Algorithm นี้มาใช้งาน ซึ่งจะส่งผลต่อวิธีทำ SEO ในปี 2023 อย่างแน่นอน เพราะเว็บไซต์จะต้องมีการปรับแนวคิดในการพัฒนาและนำเสนอคอนเทนต์เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้มากที่สุด
ก่อนหน้านี้เราอาจเคยคิดว่าทำเว็บไซต์ให้ Google ชอบ โดยอาจเน้นการใส่ Keyword เยอะๆ เข้าไว้ แต่ตอนนี้อาจไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำ SEO เท่าไหร่แล้ว
โดยในปี 2023 เจ้าของเว็บไซต์จะต้องคิดในมุมผู้ใช้และผู้ที่ค้นหาบน Google มากขึ้น ว่าแต่ละคำค้นหานั้นผู้ใช้คาดหวังว่าจะเห็นผลการค้นหาแบบไหน หรือหาคำตอบอะไร เพื่อที่จะได้ทำเว็บไซต์และวางแผนวิธีการทำ SEO ให้ตอบโจทย์มากที่สุด
3 สิ่งที่ควรโฟกัสบนเว็บไซต์เพื่อประสิทธิภาพในการทำ SEO
- โครงสร้างเว็บไซต์และคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ โดยต้องมีความน่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่มาของเนื้อหา แหล่งอ้างอิงเนื้อหาที่น่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือของผู้เขียน ความสดใหม่ของคอนเทนต์ ไปจนถึงรีวิวที่เว็บไซต์นั้นๆ ได้รับ ซึ่งวิธีทำ SEO ในส่วนนี้คือการค้นหาข้อมูลเชิงลึกเพื่อมาสร้างเนื้อหา และแหล่งข้อมูลนั้นต้องมีที่มาที่ไปชัดเจน โดยต้องใส่ข้อความอ้างอิงเนื้อหาบนเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน
- มีทีมที่ดูแลเว็บไซต์อย่างใกล้ชิด โดยเว็บไซต์ต้องมีการอัปเดตปลับเปลี่ยน ทั้งเรื่องระบบ และโครงสร้าง เพื่อให้ตอบโจทย์กับ Algorithm ใหม่ๆ ของ Google ซึ่งหลายเว็บไซต์ยังงานระบบใช้เว็บไซต์สำเร็จรูปอยู่ ทำให้ไม่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์สำเร็จรูปหลายเจ้าก็มีการอัปเดตตาม SEO อยู่ ต้องลองสอบถามให้ชัดเจนก่อนจะเริ่มใช้งาน เพราะการเปลี่ยนระบบเว็บไซต์แต่ละครั้งย่อมมีค่าใช้จ่าย และเสียเวลา อีกทั้งยังส่งผลต่อการทำ SEO อีกด้วย
- ให้ความสำคัญกับข้อมูล ซึ่งตรงนี้ ทาง Pacy Media ที่เป็นบริษัท SEO Agency ได้เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการทำ SEO ไว้ว่า การทำ SEO นั้นไม่ใช่แค่การดันอันดับ แต่ต้องมีการวัดผลบนหน้าเว็บไซต์ด้วย ว่าผู้ใช้ที่เข้ามามีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน และมีการเข้ามาใช้งานตามจุดประสงค์ของแบรนด์หรือเปล่า เช่น เข้ามาแล้วเพิ่มสินค้าลงตะกร้าไหม หรือคลิกปุ่มโทรเพื่อสอบถามข้อมูลหรือเปล่า โดยข้อมูลนี้จะช่วยให้เราเห็นว่าเว็บไซต์ของเราตอบโจทย์ผู้ใช้งานหรือยัง เช่น ถ้ามีผู้ใช้เข้ามาแล้วไม่กดเพิ่มสินค้าลงตะกร้าเลย ก็อาจแปลว่าเว็บไซต์ หรือการนำเสนอตัวสินค้ายังมีปัญหาอยู่
มีวิธีทำ SEO ที่รวดเร็วและใช้เวลาไม่นานไหม
หลายคนคงทราบแล้วว่าการทำ SEO นั้นใช้เวลาเป็นเดือนอยู่ ซึ่งทางลัดในการทำ SEO นั้นเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้ โดยเฉพาะการทำแบบถูกต้องตามหลักของ Google และไม่ใช้เทคนิคการสแปมซึ่งจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ได้
แต่จริงๆ แล้วก็มีอีกวิธีที่ช่วยให้เว็บของคุณขึ้นหน้าแรกของ Google ได้เร็วขึ้น วิธีนี้คือการทำ SEM หรือ Search Engine Marketing ผ่านระบบโฆษณาของ Google ที่เรียกว่า Google Ads ซึ่งการทำ SEO SEM คือการทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกเหมือนกัน เพียงแต่ SEM จะเป็นวิธีที่เราต้องเสียเงินโฆษณาให้กับ Google ซึ่งจะเรียกว่าเป็น Money Game ก็ได้ ใครที่มีงบโฆษณาสูงกว่าก็มีโอกาสที่โฆษณาจะแสดงมากกว่า
การทำ SEM จึงเป็นอีกวิธีที่หลายคนนิยมใช้ควบคู่ไปกับการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลในช่วงที่มีการทำ SEO ไปพร้อมๆ กัน
ถ้าอันดับ SEO เริ่มตกควรทำอย่างไร
ในช่วงที่ Google มีการอัปเดต Algorithm อาจทำให้อันดับของบางเว็บไซต์ที่ไม่เป็นไปตาม Algorithm ใหม่ หรือไม่เป็นไปตามกฎใหม่ของ Google เริ่มตกลงไปเรื่อยๆ ซึ่งหากสาเหตุที่อันดับ SEO ของเว็บไซต์มาจากการปรับ Algorithm สิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์ทำได้คือหาวิธีทำ SEO ใหม่ให้ตรงตามหลักของ Google โดยเริ่มจาก
- ทำความเข้าใน Algorithm ใหม่
- ตรวจสอบเว็บไซต์ว่ามีส่วนไหนบ้างที่ไม่เป็นไปตามนั้น
- วางแผนวิธีการทำ SEO ที่เข้ากับ Algorithm ใหม่
- ดำเนินการปรับเว็บไซต์
โดยขั้นตอนการดำเนินการปรับอาจต้องให้ผู้เชี่ยวชาญหรือโปรแกรมเมอร์เข้ามาทำ เพราะหากผิดพลาดอาจทำให้เว็บไซต์พังได้
การลดเวลาทำ SEO โดยใช้บริการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ
มีบริษัทมากมายที่รับทำ SEO โดยแต่ละบริษัทก็จะมีวิธีการทำที่แตกต่างกันไป ซึ่งการใช้บริการผู้ที่เชี่ยวชาญด้าน SEO ก็จะช่วยให้ประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะมีค่าบริการตามมา แต่อย่าลืมว่าเวลาก็คือเงินเหมือนกัน ดังนั้นหากการใช้บริการรับทำ SEO ช่วยให้คุณเอาเวลาไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้มันก็คุ้มอยู่
แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกผู้ให้บริการ โดยแนะนำให้ดูบริษัทที่ทำ SEO สายขาว แบบถูกต้องตามกฏของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ปลอดภัย ไม่โดนแบน และส่งผลลัพธ์ต่อการทำ SEO ในระยะยาว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO เนื่องจากการทำ SEO ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดระยะยาว
ซึ่งในการทำ SEO ของบริษัทเอเจนซี่ ทางนั้นจะมีทีมที่ให้บริการค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดูเรื่อง SEO โปรแกรมเมอร์ ทีมเขียนบทความ ไปจนถึงทีมถ่ายภาพเพื่อทำคอนเทนต์ต่างๆ ตามความเหมาะสม โดยจะช่วยประหยัดงบประมาณกว่าการสร้างทีม SEO ในบริษัทเอง เนื่องจากเอเจนซี่จะมีประสบการณ์และติดตามการอัปเดตจาก Google ตลอดเวลา ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทัน
วิธีการทำ SEO ในปี 2023 เป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทายเพราะจะกลับมาโฟกัสที่ตัวเว็บไซต์เป็นหลัก โดยการปรับแต่งเว็บไซต์นั้นอาจใช้เวลา ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้เราแนะนำให้เริ่มทันที เพราะในการทำ SEO ผู้ที่เริ่มก่อนย่อมได้เปรียบ
