สสส. ขอให้สงกรานต์ปีนี้ ให้พี่น้องชาวไทยได้ฉลองปีใหม่ไทยอย่างมีความสุขในแบบวิถีไทย และปลอดภัยทุกท่าน ทุกเทศกาลนอกจากการฉลองสงกรานต์แล้ว จะต้องมีอุบัติเหตุทางถนนให้เห็น คิดว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น จึงอยากเตือนให้พี่น้องเพิ่มความระมัดระวังให้มาก เพราะจากการคาดการณ์ จะมีการเดินทางท่องเที่ยว ฉลอง และดื่มกินจำนวนมาก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนร่วมกับภาคีเครือข่าย ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง พัฒนางานวิชาการ การบูรณาการและการปฏิบัติการในระดับพื้นที่ รวมทั้งสื่อสารรณรงค์ให้เกิดความตระหนัก เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ สร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง
จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องกิจกรรมสงกรานต์ปลอดเหล้าปี 2565 ที่ผ่านมา ของเครือข่ายองค์กรงดเหล้า พบว่า 84% ชอบเที่ยวสงกรานต์ปลอดเหล้า เกือบ 100% เชื่อว่าช่วยลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ 89% ช่วยลดการทะเลาะวิวาท 88% รู้สึกปลอดภัยในการออกมาท่องเที่ยว
สสส. สานพลังร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดพื้นที่นำร่อง และขยายพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัยลดปัจจัยเสี่ยง ในถนนตระกูลข้าวกว่า 60 แห่ง และพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้ากว่า 100 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงสนับสนุนเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับสื่อสารรณรงค์ ร่วมกันทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงปัญหาการดื่มแล้วขับ พร้อมทั้งเฝ้าระวังผู้กระทำความผิดซ้ำในข้อหา เมาแล้วขับ และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในอุบัติเหตุที่เกิดทุกราย และไม่สนับสนุนการขายแอลกอฮอล์ให้กับเด็กและขอให้มีการเอาผิดกับผู้ที่ขายแอลกอฮอล์ให้กับเด็ก
การรณรงค์ สสส. สื่อสารในปีนี้ สสส.หยิบยกประเด็นการดื่มแล้วขับ ผ่านสปอตชุด “ดื่มไม่ขับ กรึ่มๆ ก็ถึงตาย” เพื่อเน้นย้ำผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์แม้เพียงแก้วเดียวแล้วขับอาจส่งผลถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ ยังมีคลิปวิดีโอเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ “พ่อที่รัก” ที่สะท้อนการเกิดอุบัติเหตุอาจไม่ได้ส่งผลกระทบกับตัวเองแต่ยังกระทบถึงคนรอบข้าง และมีคลิปวิดีโอเรื่องเล่าจากผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจากบิ๊กไบค์ และเหยื่อจากคนที่ขับย้อนศร เพราะเพียงดื่มเพียงเล็กน้อยก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากการดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แล้วขับขี่ โอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่มเป็น 2 เท่า ส่งผลทางระบบประสาท และมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะเพิ่มความเสี่ยงถึง 6 เท่า สูญเสียการทรงตัว มึนงง เดินไม่ตรงทาง และหากมีปริมาณแอลกอฮอล์สูง 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป โอกาสเกิดอุบัติเหตุเสี่ยงสูงถึง 40 เท่า จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกตัวช้า ระบบในร่างกายทำงานแย่ลง ไม่สามารถควบคุมรถได้ ดูเหมือนว่าแอลกอฮอล์คือตัวการ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยง และการเดินทางสูง ข้อมูลจาก บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พบว่า ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าครอบครัวถึง 51% และ 53% เสียชีวิตไม่ไกลจากบ้านในรัศมีเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งในผู้เสียชีวิต 71% สมองได้รับการกระทบกระเทือน โดยสาเหตุหลักของการเสียชีวิต คือ ความเร็ว และการดื่มแล้วขับ
นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลที่คนจะเดินทางกลับภูมิลำเนา สสส. มีเครือข่ายตำบลสุขภาวะ กว่า 2,000 แห่ง ที่ร่วมรณรงค์และป้องกันปัญหาอุบัติเหตุ “ตำบลขับขี่ปลอดภัย สงกรานต์ 2566 ดื่มไม่ขับ” โดยมีพื้นที่ทำงานเข้มข้นใน 115 ตำบล ที่จะทำให้พื้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และลดความสูญเสียในช่วงสงกรานต์ โดยจะทำงานเชิงรุกในเชิงของการป้องกัน สื่อสารประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ถึงพฤติกรรมเสี่ยงในช่วงเทศกาล “ดื่มไม่ขับ” ที่ทำงานอย่างเข้มข้น และต่อเนื่อง
ปี 2566 นี้ สสส. สนับสนุนคณะทำงานป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ทั่วประเทศสนับสนุนขับเคลื่อนป้องกันอุบัติเหตุในพื้นที่อำเภอเสี่ยง 200 กว่าอำเภอ เพื่อหวังช่วยให้เกิดการลดความสูญเสียได้มากขึ้น เพราะอุบัติเหตุและการเสียชีวิตกว่า 70% เกิดในพื้นที่เหล่านี้ โดยสงกรานต์นี้เน้นมาตรการดูแลเรื่อง ดื่มไม่ขับ-ไม่ขับเร็ว-สวมหมวกนิรภัย
ในส่วนของชุมชน สสส. สนับสนุนเครือข่ายกองร้อยอาสาจราจรหญิง ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน 12 จังหวัด โดย ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 4 ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในชุมชน โดยมีกองร้อยอาสาจราจรหญิง (กองร้อยน้ำหวาน) ช่วยดูแลความปลอดภัยทางถนน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยเป็นพี่เลี้ยงดูแล-สื่อสารสร้างความตระหนักอุบัติเหตุในชุมชน-ร่วมตั้งด่านชุมชนป้องปรามผู้ดื่มแล้วขับ/ขับรถเร็ว/แว๊นซ์/สวมหมวกนิรภัย ช่วยดูแลการจัดงานบุญงานกุศล และที่สำคัญช่วยดูแลสกัดไม่ให้คนเมาขับรถออกจากหมู่บ้าน
สงกรานต์นี้ จึงขอฝาก 1.ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ 2.สวมหมวกนิรภัย ป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 72% ป้องกันการเสียชีวิตได้ 39% 3.การคาดเข็มขัดนิรภัย ลดการบาดเจ็บทั่วไปถึง 50% 4.การใช้ความเร็ว เมื่อผ่านเขตชุมชน ร.ร. รพ.ตลาด 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นความเร็วที่ปลอดภัย หากเกิดการชน มีโอกาสรอดถึง 90% (การชน ขณะรถวิ่ง 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง = เราตกจากตึก 5 ชั้น) 5.มีการศึกษาว่า การพิมพ์ข้อความบนมือถือ ต้องละสายตาจากถนน เฉลี่ย 4.6 วินาที หากใช้ความเร็วรถที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง = การปิดตาขับรถถึง 100 เมตร
หวังว่าจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายจะช่วยภาพรวมของประเทศ ลดความสูญเสีย ขอชวนคนไทยทุกคนใส่ใจการขับขี่อย่างปลอดภัย ดื่มไม่ขับ สวมหมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง แต่อย่างไรก็ดี การดื่มเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาล ถ้าลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จะเป็นการดีที่สุด หลายคนเข้าใจผิดว่าแอลกอฮอล์ ต้องดื่มในปริมาณมาก ถึงจะมึนเมา แท้ที่จริงดื่มเพียงนิดเดียว กรึ่มๆ ก็ถึงตาย หากดื่มแล้วขับ เพียงแก้วเดียว…ก็ถึงตายได้ สงกรานต์นี้ สสส.ขอชวน…ดื่มไม่ขับ