วุ้นเส้นต้นสนรับมอบเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ปี 2566

บริษัท สิทธินันท์ จำกัด (วุ้นเส้นต้นสน) รับมอบเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ปี 2566ตอกย้ำวิสัยทัศน์องค์กรมุ่งใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมตระหนักเรื่อง “ภาวะโลกร้อน” เดินหน้าสู่เป้าหมาย “องค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์”

วันที่ 21 มิถุนายน 2566 บริษัท สิทธินันท์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวุ้นเส้นตราต้นสน เข้ารับประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ประจำปี 2566 ในพิธีที่จัดขึ้นโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้รับเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยถือเป็นผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นรายแรกของประเทศไทยที่มีการดำเนินการในส่วนของ Carbon Footprint Product ซึ่งตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง

นางพรรณา ปัญจวีณิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธินันท์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวุ้นเส้นตราต้นสน เปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาในฐานะผู้ผลิตสินค้า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น โดยแนวทางหลักที่นำมาใช้คือ ดำเนินการประเมินและขึ้นทะเบียนขอเครื่องหมายฯ กับ อบก. ในสินค้าแป้งถั่วเขียว และวุ้นเส้น ซึ่งบริษัทฯ ถือเป็นรายแรกในประเทศไทยและในโลกสำหรับผลิตภัณฑ์นี้ โดยกระบวนการขอขึ้นทะเบียน เริ่มด้วยการส่งข้อมูลการคำนวณค่าคาร์บอน หากทำตามระเบียบครบถ้วน ข้อมูลมีความถูกต้อง ก็สามารถสมัครขึ้นทะเบียนขอการรับรองจาก อบก. ได้ โดยอาจจะขอขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์, คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร หรือฉลากลดคาร์บอน ฯลฯ

ADVERTISMENT

“บริษัทฯ ตระหนักในเรื่องภาวะโลกร้อนมาโดยตลอด จึงสมัครเข้าจัดทำโครงการนี้ และผ่านการตรวจสอบรับรองตามมาตรฐานของ อบก. ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การได้มาของวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การกระจายสินค้า การใช้งาน จนกระทั่งการจัดการของเสียหลังใช้งาน จะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเท่าไร ช่วยชี้ให้บริษัทฯ เห็นว่าการปลดปล่อยค่าคาร์บอนเกิดขึ้นที่กระบวนการใดมากที่สุด และควรปรับเปลี่ยนจุดใด หรือมีการทำกิจกรรมใดเพื่อลดผลกระทบสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก” ” นางพรรณา กล่าว

ADVERTISMENT

นางพรรณา กล่าวเพิ่มเติมว่า ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับองค์กรจากการขอขึ้นทะเบียนฯ คือ นอกจากทำให้สามารถทราบถึงสถานะปัจจุบันขององค์กรว่า มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละชนิดสินค้ามากน้อยในระดับไหนแล้ว จากข้อมูลการคำนวณคาร์บอนที่ได้ ยังช่วยให้บริษัทได้เห็นภาพรวมการใช้ทรัพยากร และสามารถนำมาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดค่าใช้จ่ายในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงสามารถแข่งขันต่อไปในตลาดได้อย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังช่วยตอกย้ำวิสัยทัศน์ และความรับผิดชอบขององค์กรเกี่ยวกับความมุ่งมั่นใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความตระหนักในเรื่องภาวะโลกร้อน

โดยแผนดำเนินการจากนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าต่อยอดการได้รับเครื่องหมายฯ ในครั้งนี้ โดยสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ถึงความสำคัญของครื่องหมายฯ บนบรรจุภัณฑ์  และในอนาคตมีแผนยกระดับการทำ “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” ขององค์กรในภาพรวม เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายของประเทศ “การขอขึ้นทะเบียนรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ถือเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้บริษัทฯ เข้าใกล้เป้าหมายองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ได้มากยิ่งขึ้น” นางพรรณา กล่าวทิ้งท้าย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image