เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2515 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศธมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์
ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐินต้น ที่วัดธาตุประสิทธิ์ หมู่ 4 ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ได้มีราษฎร จำนวน 6 คน รอรับเสด็จทูลเกล้าฯ ถวายผ้าไหมแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากผ้าไหมเพียง 6 ผืน จากราษฎร 6 คน ที่ได้นำผ้าไหมถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในครั้งนั้น พระองค์ได้ทอดพระเนตรผ้าไหม ก็รู้สึกพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากผ้าไหมมีลวดลายสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์แบบพื้นบ้านของชาวบ้านนาหว้า
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2541 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (แก้พระนาม) มีรับสั่งให้ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ฑีขะระ รองราชเลขานุการ ได้ตั้งชื่อกลุ่มทอผ้าไหม อำเภอนาหว้า ชื่อ “กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” (13 พฤศจิกายน 2515) ที่ได้ชื่อนี้เพราะอำเภอนาหว้าเป็นกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพของประเทศไทย จากนั้นมีการรวมกลุ่มกันเป็น“กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรก”ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และมีการขยายผลการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านหม่อนไหมครอบคลุมทั่วประเทศขณะเดียวกันการพัฒนาต่อยอดคุณภาพมาตรฐานการผลิตหม่อนไหมอย่างไม่หยุดนิ่งทำให้เส้นไหมและผลิตภัณฑ์ไหมของไทยมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้สนองพระราชเสาวนีย์ด้วยการจัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ และการลงพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทยและนักออกแบบหลากหลายสาขา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังความต้องการของชุมชน และร่วมบูรณาการองค์ความรู้ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาผืนผ้าให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความร่วมสมัย มีความเป็นสากล และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เกิดเป็นโครงการนาหว้าโมเดล เป็นโครงการต้นแบบที่แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในด้านความสำเร็จของการฟื้นคืนภูมิปัญญาท้องถิ่นให้หวนคืนกลับมาอยู่คู่ชุมชน เพื่อชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีศักยภาพในการสร้างสรรค์ผืนผ้าและผลิตภัณฑ์อันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างชีวิตที่ดี ให้แก่ช่างทอผ้าและครอบครัวอย่างยั่งยืน