ปัญหาสิวผด แม้ว่าจะเป็นสิวที่ระดับความรุนแรงไม่มาก และไม่ก่อให้เกิดรอยสิว รอยแผลเป็นเหมือนสิวชนิดอื่น แต่ก็ทำให้ผิวสวยๆ ถูกรบกวนจนทำลายความมั่นใจในการโชว์ผิวหดหายไปอย่างง่ายดาย บทความวันนี้ จะช่วยให้ผู้ที่กำลังเป็นสิวผด รู้ว่าต้องเริ่มรักษายังไง ถึงจะหายสนิท ไปพร้อมๆ กับไขข้อสงสัยว่าสิวผด แท้จริงแล้วเกิดจากอะไรกันแน่ เพื่อที่จะได้รู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวผดซ้ำได้ในอนาคตอีก คราวนี้ผิวสวยๆ ที่สุขภาพแข็งแรง ก็จะได้อยู่กับเรานานๆ
สิวผดเกิดจากอะไร
สิวผด เกิดจากอาการแพ้ทางผิวหนัง มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กใสๆ ไม่มีหัว คล้ายผื่น กระจายเป็นวงกว้าง เมื่อสัมผัสจะให้ความรู้สึกสากผิว ซึ่งสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวผดมีหลายปัจจัยดังนี้
- สภาพอากาศ/แสงแดด
สภาพอากาศที่ทำให้เกิดสิวผด มักจะเป็นช่วงอากาศร้อนจนทำให้ร่างกายเกิดเหงื่อ และแสดงอาการระคายเคืองผิวมากยิ่งขึ้นเมื่อเกิดร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้เต็มที่ เช่น ชุดที่สวมใส่หนาเกินไป เป็นต้น
- มลภาวะและฝุ่น
แน่นอนว่ามลภาวะ และฝุ่น เต็มไปด้วยเชื้อโรค และสิ่งสกปรกมากมาย ที่จะทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน ต่อมเหงื่อทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงเกิดสิวผดได้ในที่สุด
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
พฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดสิวผด ได้แก่ การล้างหน้าไม่สะอาด เลือกเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือแม้แต่ของใช้ส่วนตัวที่สกปรก เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่ม ที่ขาดการทำความสะอาด
- สุขภาพผิวอ่อนแอ
เมื่อสุขภาพผิวขาดการดูแล เช่น ผิวแห้งกร้าน หรือผิวอักเสบ บวมแดง อันเกิดจากภาวะต่างๆ หรือแพ้สารเคมีบางชนิด ก็สามารถส่งผลให้เกิดสิวผดได้
สิวผด มักขึ้นบริเวณใด
สิวผดสามารถขึ้นได้ทุกที่ทั่วร่างกาย แต่มักขึ้นจนเห็นได้ชัดในบริเวณที่เกิดการเสียดสีบ่อยๆ หรือบริเวณที่รูขุมขนอุดตันได้ง่าย จนเกิดการอับชื้น
- สิวผดที่หน้าผาก
สิวผดที่ขึ้นบริเวณหน้าผาก มักเกิดจากการที่ผิวหนังโดนแสงแดดบ่อยจนเหงื่อออก เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคบริเวณไรผม ทำให้คาบเหงื่อไหลมาโดนบริเวณหน้าผาก
- สิวผดที่แก้ม
เกิดจากการโดนแดด และเอามือที่มีเชื้อโรคไปสัมผัสบ่อยๆ หรือเกิดการอับชื้นก่อเป็นอาการแพ้จากการสวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างวัน ล้วนแล้วเสี่ยงต่อการเกิดสิวผดได้ทั้งนั้น
- สิวผดที่คาง
เกิดจากการไม่รักษาสุขอนามัย เช่นการรับประทานอาหารแล้วเปื้อนเลอะแล้วล้างไม่สะอาดพอ หรือในคนที่ชอบเอามือไปจับ เท้าคางบ่อยๆ สิ่งสกปรกและเชื้อโรคก็นำทำให้เป็นสิวผดได้
- สิวผดที่หน้าอก
บริเวณเนินอก เป็นตำแหน่งที่เหงื่อออกได้ง่าย ยิ่งเผชิญกับอากาศร้อนจนเกิดเหงื่อ และเสียดสีกับเสื้อผ้าจนทำให้ระคายเคืองแถมอับชื้น ก็ส่งผลให้เกิดสิวผดตามมา
- สิวผดที่แผ่นหลัง
เช่นเดียวกับสิวผดที่หน้าอก นอกจากเหงื่อแล้ว ยังเกิดได้จากเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่ไม่ระบายอากาศมากพอ และเกิดการเสียดสีระหว่างวันบ่อยๆ
วิธีรักษาสิวผด
การรักษาสิวผด มีหลายวิธี และทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขอนามัยของผิว ร่วมกับแนวทางการรักษาดังต่อไปนี้ ก็จะทำให้สิวผดหายเกลี้ยงแน่นอน
- ยารักษาสิวผด
การใช้ยาทาภายนอกเพื่อรักษาสิวผด เป็นอีกหนึ่งการรักษาที่ตรงจุด แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุด หรือควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยามารักษาเองทุกครั้ง
- ครีม/ผลิตภัณฑ์ดูแลสำหรับผิวที่เป็นสิวผดโดยเฉพาะ
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าในทุกขั้นตอนด้วยสูตรเฉพาะสำหรับผิวที่เป็นสิว หรือสำหรับผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย เพื่อทำให้บริเวณที่เกิดสิวผดหายง่ายขึ้น
- มาร์กผิวด้วยสารสกัดธรรมชาติ
สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยลดการระคายเคืองผิว และบรรเทาสิวผด และสามารถนำมาใช้มาร์กผิว จะเป็นพวกผัก ผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ได้แก่ ว่านหางจระเข้ มะเขือเทศ และแตงกวา
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
เป็นวิธีรักษาสิวผดที่ตรงจุด และปลอดภัยต่อผิวมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสิวผดในระยะรุนแรง ควรเข้าพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี
- ฉีดมาเด้คอลลาเจน (MADE Collagen)
เป็นหัตถการความงามด้วยการฉีดสารประโยชน์ที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูผิว และขับสารพิษออกจากผิวได้ในคราวเดียวกัน โดยใช้เทคนิคการฉีด 16 จุด ตามศาสตร์ขับพิษออกจากผิวแบบธรรมชาติ ช่วยรักษาสิวผด และฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอให้แข็งแรง
- ฉีดผิวชาแนล (Chanel injection)
เป็นวิธีฟื้นฟูผิวเสียด้วยการฉีดสารทรีทเม้นท์ที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่นวิตามินต่างๆ อันจำเป็นต่อกระบวนการสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง นอกจากจะช่วยรักษาสิวผดแล้ว การฉีดผิวชาแนล ยังช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงการทำงานของไฟโบรบลาสต์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เลเซอร์รักษาสิวผด
หัตถการความงามด้วยเครื่องเลเซอร์ สามารถช่วยรักษาสิวผดและได้ผลดี ได้ผลไวและ ปลอดภัยจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งเลเซอร์ที่ช่วยรักษาสิวผดมีหลายชนิด ได้แก่ Dual Yellow,CO2 Laser,Omnilux
วิธีป้องกันสิวผด
เมื่อเกิดสิวผด หากรักษาหายดีแล้ว ควรจะดูแลรักษาผิวให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำอีกรอบได้ด้วยวิธีป้องกันดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า
เพราะในแต่ละวันมือของเราสัมผัสสิ่งของต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าต้องปนเปื้อนสิ่งสกปรกและเชื้อโรคมากมาย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเอามือมาสัมผัสหน้า ไม่ว่าจะเป็นการ แกะ บีบ เกา หรือลูบ เพื่อไม่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดสิวผด และสิวอื่นๆ
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด /ใช้ครีมกันแดด
เพื่อปกป้องผิวจากการความระคายเคืองอันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวผด และป้องกันผิวเสีย ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดด ซึ่งหากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า มีค่า SPF 50 PA+++ และควรเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดการแพ้ของผิว
เพราะสารที่ก่อให้เกิดการแพ้มีมากมาย และแฝงตัวอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นควรเลือกใช้โดยยึดมาตรฐาน อย.ไทย และส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่เพียงเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น ควัน ต่างๆ ด้วย
- ล้างหน้าอย่างถูกวิธี
ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า และผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางร่วมด้วย ในผู้ที่แต่งหน้าระหว่างวัน เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกที่จะอุดตันรูขุมขน และก่อให้เกิดสิวผดตามมา
- หมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้า และเครื่องนอน
ควรดูแลความสะอาดของเสื้อผ้า ไปจนถึงหมั่นเปลี่ยนเครื่องนอน ผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เพื่อป้องกันเชื้อโรคอันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวผด
คำถามอื่นๆที่เกี่ยวกับปัญหาสิวผด
Q : สิวผด สามารถหายเองได้ไหม ใช้เวลากี่วัน ?
A : สิวผดสามารถหายเองได้ หากผิวไม่ถูกกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง เช่น ไม่เจอมลภาวะที่ก่อให้เกิดการแพ้ เช่นแสงแดด ฝุ่น ไม่สัมผัสสิ่งสกปรก หรือสารเคมีที่ทำให้ผิวเห่อแดง ก็จะค่อยๆ หายได้เอง ซึ่งในผู้ที่เป็นน้อย ไม่รุนแรง ระยะเวลาเร็วสุด อาจจะ 2-3 สัปดาห์ แต่หากเป็นสิวผดชนิดรุนแรง อาจเรื้อรังนานถึง 3 เดือน
Q :สิวผดเกิดขึ้นเฉพาะกับคนผิวมันหรือเปล่า ?
A : แม้ว่าคนผิวมันจะพบปัญหาการเกิดสิวผดได้ง่าย แต่ในผู้ที่มีผิวแห้ง และขาดความชุ่มชื่นจนผิวอ่อนแอ ก็สามารถเกิดสิวผดได้เช่นกัน
Q : ทําไงให้สิวผดหาย เร็วที่สุด?
A : นอกจากการรักษาด้วยตัวเอง รักษาด้วยแพทย์ผิวหนัง หรือการรักษาด้วยหัตถการความงามต่างๆ แม้ว่าผลลัพธ์ออกมาจะดีมากแค่ไหน แต่สิวผดจะหายเร็วที่สุดได้ ต้องมาจากการดูแลตัวเองร่วมด้วย เช่น การล้างหน้าให้ถูกวิธี เลือกกินแต่อาหารมีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำ
Q : กินอะไรลดสิวผด?
A : อาหารที่ช่วยลดการเกิดสิวผด คือผัก และผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่มีแร่ธาตุต่อการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง เช่น คะน้า ผักบุ้ง ปลาแซลมอน และถั่วเหลือง นอกจากนี้ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอประมาณ 2 ลิตร ต่อวัน
Q : สิวผดขึ้นทุกวัน เกิดจากอะไร?
A : ส่วนใหญ่สิวผดที่ขึ้นทุกวัน และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุมักเกิดจากอาการแพ้เมื่อใช้สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเป็นประจำ หรือผิวโดนมลภาวะอย่างต่อเนื่องจนผิวอ่อนแอ
สรุป
การรักษาสิวผด มีหลายวิธีมาก แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการเข้าพบและปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์ผิวหนัง เพื่อประเมินปัญหาสิวผด และดำเนินการรักษาอย่างตรงจุดที่สุด ปลอดภัยต่อผิวที่สุด แต่หากใครที่ต้องการรักษาสิวผด พร้อมๆ กับฟื้นฟูสภาพผิวที่อ่อนแอ ให้กลับมาสุขภาพดี เนียนใสในระยะเวลาอันรวดเร็ว สามารถใช้หัตถการความงามเข้าช่วยได้เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีคลินิกเสริมความงามที่ดูแลรักษาสิวผดได้อย่างครบวงจรหลายแห่ง