การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดกำจัดมะเร็ง ความหวังใหม่ในการรักษามะเร็ง โดย รศ.นพ. นรินทร์ วรวุฒิ

รศ.นพ. นรินทร์ วรวุฒิ
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของหลายๆคนทั่วโลกเป็นอันดับต้นๆ โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเผยว่า ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณมากกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก ภายในปี พ.ศ. 2563 จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 16 ล้านคน และอัตราการเสียชีวิตจะสูงถึง 10 ล้านคนทุกปี สำหรับสถิติในประเทศไทย พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยราวชั่วโมงละ 7 ราย สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นจากการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ อดหลับอดนอน ความเครียด เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ การบริโภคอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ และความอ้วน นอกจากนี้ ร้อยละ 5-15 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือมรดกมะเร็งจากคนในครอบครัว

สำหรับโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในทั้งผู้ชายและผู้หญิงไทย ได้แก่ 1. มะเร็งเต้านม 2. มะเร็งตับ 3. มะเร็งปอด 4. มะเร็งปากมดลูก และ 5. มะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตาม หากแบ่งตามเพศแล้ว มะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้ชายไทยคือ มะเร็งปอด ในขณะที่มะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทยคือ มะเร็งเต้านม

ในปัจจุบัน การรักษาโรคมะเร็งมีหลายวิธี ได้แก่ การผ่าตัด เคมีบำบัด และฉายรังสี จากองค์ความรู้ที่มากขึ้นทางด้านมะเร็งวิทยาพบว่ามะเร็งสามารถหลบเลี่ยงการทำลายจากภูมิคุ้มกันร่างกายได้ โดยสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า PD-L1 มายับยั้งการทำงานของเซลล์พิฆาตมะเร็ง (Cytotoxic T Cell หรือเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง) บวกกับความก้าวหน้าทางการแพทย์และเทคโนโลยีทำให้มีการพัฒนาการรักษามะเร็งแบบใหม่ที่ชื่อว่า “การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดกำจัดมะเร็ง” หรือ “Immuno-Oncology” ซึ่งเป็นวิธีการรักษาโดยใช้ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเองต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยยากลุ่มนี้มีกลไกในการทำงานคือทำให้โปรตีน PD-L1 ไม่สามารถยับยั้งเซลล์พิฆาตมะเร็งได้จึงมีผลทำให้เซลล์พิฆาตมะเร็งทำลายมะเร็งได้ดีขึ้น และด้วยกลไกการทำงานที่แตกต่างจากยาเคมีบำบัด ทำให้ยากลุ่มนี้มีผลกระทบต่อเซลล์อื่นๆ ของร่างกายน้อยกว่าและแตกต่างออกไปจากยาในกลุ่มเคมีบำบัด จึงเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาน้อยกว่า เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ข้อดีของภูมิคุ้มกันร่างกายอีกข้อคือความสามารถในการจดจำเซลล์มะเร็งรวมถึงสิ่งแปลกปลอมในร่างกายได้ในระยะยาวจึงช่วยป้องกันการคืนกลับมาของมะเร็งได้ ซึ่งการศึกษาทางคลินิกในนานาประเทศหลายการศึกษาพบว่าผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีผิว (Melanoma) และผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะลุกลามที่รับการรักษาด้วยวิธีนี้มีจำนวนผู้ที่รอดชีวิตจากมะเร็งมากกว่าประมาณ 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด อีกทั้งผู้ป่วยยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าการรักษาแบบอื่นๆ อีกด้วย”

Advertisement

การรักษาในรูปแบบ “การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดกำจัดมะเร็ง” หรือ “Immuno-Oncology” นี้ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาและยุโรปกว่า 50 ประเทศ รวมถึงประเทศอื่นๆในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ในผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งศีรษะและลำคอ มะเร็งไต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ สำหรับในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ยาในกลุ่ม “ภูมิคุ้มกันบำบัดกำจัดมะเร็ง” ได้รับการอนุมัติให้ใช้โดยองค์การอาหารและยา (อย.) สำหรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีผิว และมะเร็งปอด เท่านั้น

สำหรับผู้ที่ต้องการห่างไกลมะเร็ง สามารถปฏิบัติตามหลัก 6 อ. ดังนี้
1. อาหาร ควรมีวินัยในการบริโภคอาหาร และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักสดและผลไม้โดยเฉลี่ยแล้ว เราควรบริโภคผักอย่างน้อยวันละ 400-800 กรัม นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการเนื้อแดง อาหารปิ้ง ย่าง หมักดอง ทั้งนี้ การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์เป็นวิธีการดีท็อกซ์ร่างกายที่ดีที่สุด
2. อากาศ ควรอยู่ในสถานที่ๆมีอากาศถ่ายเท ไม่มีผลพิษ
3. เอนกาย โดยการนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และที่สำคัญ ควรนอนแต่หัวค่ำและตื่นนอนแต่เช้า เพราะฮอร์โมนดีจะช่วยซ่อมแซมร่างกายในขณะที่เรานอนหลับ
4. อุจจาระ สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เนื่องจากเมื่อเรามีระบบการขับถ่ายดี ท้องไม่ผูก ร่างกายจะขับของเสียออกมาทางอุจจาระ ทำให้มีแต่แบคทีเรียดีอยู่ในลำไส้ ซึ่งส่งผลต่อการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในร่างกาย
5. ออกกำลัง ควรออกกำลังอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย
6. อารมณ์ ควรทำอารมณ์ดีอย่างสม่ำเสมอ ไม่เครียดมากจนเกินไป

เพียงแค่ปฏิบัติตามหลัก 6 อ.ง่ายๆ คุณก็สามารถห่างไกลจากโรคมะเร็งได้

Advertisement

image002

????????????????????????????????????


อ้างอิง
World Health Organization, 2016: http://www.who.int/nmh/a5816/en/
Ministry of Public Health, 2016: http://www.dms.moph.go.th/dmsweb/prnews/pr0102022559.pdf

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image