นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการ ปล่อยกองทุนพลิกฟื้น 1,000 ล้านบาท และกองทุนฟื้นฟู 2,000 ล้านบาท ของ สสว. เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาทางธุรกิจว่า สสว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งพิจารณาและอนุมัติเงินกองทุนทั้ง 3,000 ล้านบาท ภายในปี2560 นี้ คาดว่าจะสามารถช่วยเอสเอ็มอีได้ประมาณ 3,000 ราย หรือเฉลี่ย รายละ 1 ล้านบาท จากปัจจุบันมีผู้ได้รับสินเชื่อแล้วประมาณ 200 ราย คิดเป็นวงเงินประมาณ 160 ล้านบาท โดยเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับกิจการที่ประสบปัญหาหลัก และหลังจากนี้จะเพิ่มการช่วยเหลือกิจการที่เครดิตดีแต่สภาพคล่องของกิจการไม่ได้ ซึ่งนอกจากการปล่อยสินเชื่อแล้วจะมีการร่วมลงทุนกับเอสเอ็มอีด้วย
นางสาลินี กล่าวต่อว่า ล่าสุด สสว. จัดโครงการพัฒาสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด ประจำปี 2560 ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2โดยปีนี้ได้ขยายเป้าหมายผู้ประกอบการร่วมโครงการเป็น 6 ราย/จังหวัด จากเดิม จังหวัดละ 3 ราย แบ่งเป็นกลุ่มอาหาร 3 ราย และกลุ่มการผลิต บริการ และการค้า 3 ราย เน้นกิจการซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด อาทิ ธุรกิจท่องเที่ยว บริการเพื่อสุขภาพ ค้าส่ง-ค้าปลี ในท้องถิ่น และกิจการขนส่ง โดยมีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและสถาบันอาหารร่วมคัดเลือก ขณะที่สสว. จะวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน มาตรฐานการผลิต ระบบริหารจัดการ ช่องการตลาด เพื่อยกระดับสินค้าสู่ มาตรฐานสากลโดยจะคัดเลือกเอสเอ็มอีเข้าโครงการ จำนวน 462 ราย
นางสาลินี กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สำรวจผู้บริโภคที่ทำงานในเขตกรุงเทพฯ อาทิ สีลม สุขุมวิท ลาดพร้าว ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2560 อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปเกี่ยวกับความคาดหวังและการรับรู้ต่ออาหารที่ผลิตโดยเอสเอ็มอี เน้นคนทำงาน ผู้ประกอบการธุรกิจส่วนตัว ข้าราชการ อาชีพอิสระ ลูกจ้าง นักศึกษา รวม 500 คน พบว่าผุ้บริโภคให้ความสำคัญต่อรสชาติอาหารมากที่สุด รองลงมาคือ ความสะอาดได้มาตรฐาน อันดับสาม การมีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม สะดุดตา มีฉลากข้อมูลครบถ้วนเพื่อสื่อถึงคุณภาพสินค้า ส่วนเรื่องราคานั้นผู้บริโภคเห็นว่า ราคาสินค้าเอสเอ็มอีต่ำกว่าอาหารที่ผลิตโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่หากกำหนดสูงก็ไม่เป็นปัญหา แต่เอสเอ็มอีมีจุดอ่อนคือแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักซึ่ง สสว. จะช่วยพัฒนาเรื่องนี้ต่อไป
