ARDA หนุนกรมประมงขยายผลนวัตกรรมการเพาะเลี้ยง “สาหร่ายผักกาดทะเล”

ARDA หนุนกรมประมงขยายผลนวัตกรรมการเพาะเลี้ยง “สาหร่ายผักกาดทะเล” ดันขึ้นแท่น Future food ตัวใหม่ ส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงเชิงพาณิชย์

สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA สนับสนุนทุนวิจัยให้กรมประมงดำเนินโครงการ “การขยายผลนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงและการแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวในชุมชนชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี ระยอง และจันทบุรี” พัฒนานวัตกรรมและขยายผลการเพาะเลี้ยงหนุนเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร พร้อมเดินหน้าขยายผลการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า หวังตีตลาดเป็น Future food ตัวใหม่ สร้างความหลากหลายให้กับภาคอุตสาหกรรมอาหาร ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการวิจัยนี้
เป็นโครงการวิจัยที่ ARDA ให้การสนับสนุนทุนวิจัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลและต่อยอดนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเลเนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์น้อย ซึ่งเป็นอีกแนวทางในการช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตทั้งปีให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด รวมถึงสนับสนุนการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยนำร่องดำเนินโครงการฯ ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง และเพชรบุรี โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ตั้งแต่กระบวนการเพาะเลี้ยงไปจนถึงการแปรรูปสร้างมูลค่า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่เน้นบริโภคผลิตภัณฑ์ที่รับประทานได้สะดวก รวดเร็ว มีคุณค่าทางโภชนาการปลอดภัยต่อสุขภาพ และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม “สาหร่ายผักกาดทะเล” เป็นหนึ่งในสาหร่ายเศรษฐกิจที่มีความพร้อมในการผลักดันสู่อาหาร Future food ที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นเมนูได้หลากหลายโดยจุดเด่นที่น่าสนใจของสาหร่ายชนิดนี้คือ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงสั้นเพียง 3-4 สัปดาห์ ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่ายได้ ทำให้บริหารจัดการการเลี้ยงได้ง่าย อีกทั้งราคาผลผลิตสดสามารถจำหน่ายได้ราคา 300-500 บาท/กิโลกรัม และแบบแห้งราคาสูงถึง 5,000 บาท/กิโลกรัม

ADVERTISMENT

สำหรับโครงการนี้คาดว่าจะมีผลผลิตสาหร่ายผักกาดทะเลออกจำหน่ายแก่ผู้บริโภคไม่ต่ำกว่า 3,500 กิโลกรัม
คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.4 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจำนวนไม่น้อยกว่า เฉพาะการแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลมีรายได้อย่างน้อย 13,000 บาท/ราย เป็นการเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจ เกิดเป็นศูนย์เรียนรู้การเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเลและเป็นต้นแบบในการต่อยอดขยายผลไปยังพื้นที่อื่นต่อไป

ADVERTISMENT

ด้านนางสาวนวนิตย์ คล่องแคล่ว ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่กรมประมง
ได้ศึกษาวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเลมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2544 พบว่าสาหร่ายชนิดนี้มีคุณสมบัติโดดเด่น คือ นำไปเพาะขยายพันธุ์ได้ง่าย มีความทนทาน สามารถเลี้ยงได้ตลอดทั้งปีและเลี้ยงควบคู่กับสัตว์น้ำหรือพืชน้ำชนิดอื่นได้ สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับการสนับสนุนต้นพันธุ์สาหร่ายผักกาดทะเล ถังพลาสติก ระบบให้อากาศ และระบบเปลี่ยนถ่ายน้ำ การถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยี เทคนิคการเพาะเลี้ยง และการแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงจัดทีมเจ้าหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยติดตามข้อมูลผลผลิต ตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ และให้คำแนะนำตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ เพื่อปรับรูปแบบการเพาะเลี้ยงให้มีความเหมาะสมกับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่มากที่สุด

คุณโอ – วรรภา อ่อนจันทร์ ผู้จัดการ Family Farm ในฐานะเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวเสริมว่า Family Farm เป็นฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่นแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะเลี้ยงจากกรมประมง ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากการผลิตและจำหน่ายสาหร่ายและผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายต่าง ๆ เฉลี่ย 180,000 บาท / เดือน และล่าสุดได้เข้ารับการอบรมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดกับทางกรมประมง และนำมาต่อยอดทดลองเลี้ยงในฟาร์มในบ่อไฟเบอร์กลาสประมาณ 10 ถัง สามารถสร้างผลผลิตสาหร่ายผักกาดทะเลได้ 10 – 20 กก. / เดือน สร้างรายได้ประมาณ 10,000 / เดือน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image