ประกันสุขภาพที่คุ้มครองครบทั้ง IPD และ OPD ดียังไง ?

ยุคที่ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำประกันสุขภาพถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดในการวางแผนการเงินระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลือกความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งให้ประโยชน์มากมายที่หลายคนอาจยังไม่ทราบ

ความคุ้มครองครอบคลุมทุกการรักษา

ประการแรก การมีประกันสุขภาพที่คุ้มครองทั้ง IPD และ OPD ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ต้องพบแพทย์แผนกผู้ป่วยนอก หรือการเจ็บป่วยรุนแรงที่ต้องนอนโรงพยาบาล ผู้เอาประกันสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น

ความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอก (OPD)

ADVERTISMENT

การรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) นั้นครอบคลุมการพบแพทย์ทั่วไป การตรวจรักษาโรคทั่วไป การรับยา และการทำหัตถการเล็กๆ ซึ่งแม้จะดูเป็นค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่หากต้องพบแพทย์บ่อยครั้งในรอบปี ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็สามารถสะสมเป็นจำนวนเงินที่สูงได้ การมีประกันที่คุ้มครอง OPD จึงช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้อย่างมาก

ความคุ้มครองแบบผู้ป่วยใน (IPD)

ADVERTISMENT

ส่วนความคุ้มครองแบบผู้ป่วยใน (IPD) นั้นครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการนอนโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าผ่าตัด และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมักมีมูลค่าสูงและอาจสร้างภาระทางการเงินอย่างมากหากไม่มีการวางแผนที่ดี

ประโยชน์ด้านการป้องกันโรค

นอกจากนี้ ประกันสุขภาพที่คุ้มครองทั้ง IPD และ OPD ยังมีข้อดีในแง่ของการส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เมื่อผู้เอาประกันมีความคุ้มครองครอบคลุมการตรวจรักษาแบบผู้ป่วยนอก พวกเขาจะรู้สึกสบายใจที่จะเข้าพบแพทย์ตั้งแต่มีอาการเริ่มแรก ไม่ต้องรอให้อาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ นี้มักมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าและมีโอกาสหายดีสูงกว่า

อิสระในการเลือกสถานพยาบาล

การมีประกันสุขภาพแบบครบวงจรยังช่วยให้ผู้เอาประกันมีอิสระในการเลือกสถานพยาบาลและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก ทำให้ได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับความต้องการของตนเอง

ข้อควรพิจารณาในการเลือกแผนประกัน

อย่างไรก็ตาม การเลือกแผนประกันสุขภาพควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เช่น วงเงินคุ้มครอง เงื่อนไขการเรียกร้องสินไหม ระยะเวลารอคอย และข้อยกเว้นความคุ้มครอง รวมถึงควรเปรียบเทียบเบี้ยประกันกับความคุ้มครองที่ได้รับ เพื่อให้ได้แผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน

การลงทุนในประกันสุขภาพที่คุ้มครองทั้ง IPD และ OPD ถือเป็นการวางแผนทางการเงินที่ชาญฉลาด ช่วยให้เรามีหลักประกันด้านสุขภาพที่มั่นคง สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างทันท่วงที และไม่ต้องกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image