รมช.สธ.“เดชอิศม์”หนุนปลูกป่าสมุนไพรสร้างเงิน จับมือ ทส. เซ็น MOU ส่งเสริมชุมชนในเขตอนุรักษ์

เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่อง “การส่งเสริมและพัฒนาแหล่งปลูกสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ เพื่อนำมาใช้ในระบบสุขภาพและเศรษฐกิจและการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness)” ระหว่าง นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กับ นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีคณะผู้บริหารและบุคลากรของทั้งสองกระทรวง เครือข่ายด้านการท่องเที่ยว เครือข่ายหมอพื้นบ้านและภาคเอกชน เข้าร่วมงานกว่า 200 คน ณ Courtyard โรงแรม เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายด้านเศรษฐกิจสุขภาพ โดยยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์มูลค่าสูง การแพทย์แผนไทย สมุนไพร และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ได้มาตรฐานสากลและผลักดันสู่ตลาดระดับโลก โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาและควบคุมคุณภาพตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศอย่างมั่นคง ซึ่งสมุนไพรในธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้นั้น ส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าหรือพื้นที่เขตอนุรักษ์ รวมไปถึงพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่ง

ADVERTISMENT

“ กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงทำความร่วมมือกับกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมทรัพยากรทางทะเลฯ เพื่อพัฒนาพื้นที่ปลูกสมุนไพรในเขตอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ มีการศึกษาวิจัย และสร้างแนวทางการใช้ประโยชน์ที่สมดุลกับการอนุรักษ์ เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในระบบสุขภาพและเศรษฐกิจ”นายเดชอิศม์ กล่าว

นายเดชอิศม์ กล่าวอีกว่า สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิจัย อนุรักษ์ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์สมุนไพรสายพันธุ์ดั้งเดิมในพื้นที่รับผิดชอบของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมทรัพยากรทางทะเลฯ อย่างถูกต้องเหมาะสมและยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การเพาะปลูกหรือการผลิตในเชิงเศรษฐกิจสำหรับเป็นวัตถุดิบในการปรุงยา ผลิตยา เวชภัณฑ์ หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ได้มาตรฐาน รวมถึงพัฒนายกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยใช้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสุขภาพ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาแนวปฏิบัติทางการเกษตรและการเก็บรวบรวมที่ดีสำหรับการจัดการสมุนไพรในพื้นที่ (Good Agricultural and Collection Practices : GACP) แลกเปลี่ยนข้อมูลการวิจัยและการพัฒนาการปลูกสมุนไพรในเขตพื้นที่ป่าและการเก็บเกี่ยวเพื่อการปรุงยา ผลิตยา เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้มาตรฐาน เพื่อต่อยอดทางเศรษฐกิจโดยไม่เป็นการทำลายระบบนิเวศ

ADVERTISMENT

ด้าน นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่ป่าภายใต้การกำกับดูแลของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีศักยภาพสูงในการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถบำบัด ฟื้นฟูสุขภาพกายและใจของประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างสองกระทรวง เพื่อพัฒนาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้และสมุนไพรไทยอย่างยั่งยืน ช่วยให้การแพทย์แผนไทยฯ มีแหล่งวัตถุดิบที่มั่นคง ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เกิดการใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นไปตามหลักวิชาการ

“ ที่สำคัญยังเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จากการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมกัน สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประเทศ” นายนราพัฒน์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image