ฝุ่นในห้องเป็นปัญหาที่หลายคนต้องพบเจอกันทุกคนและไม่เพียงแต่ทำให้ห้องดูสกปรก แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ ฝุ่นที่สะสมในห้องสามารถทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัว หายใจไม่สะดวก และยังเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคต่างๆ หากไม่ได้จัดการอย่างถูกวิธี
ฝุ่นในห้องเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้อยู่ในที่สูง
ต้นกำเนิดของฝุ่น และตัวกักเก็บฝุ่นในบ้านที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไปได้แก่
- ฝุ่นละอองจากภายนอกบ้านมักเข้ามาทางหน้าต่างหรือประตูที่เปิด หรือแม้กระทั่งจากรองเท้าและเสื้อผ้า ฝุ่นเหล่านี้ประกอบด้วยละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นดิน และมลพิษจากถนน
- เครื่องนอน เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่ม เป็นแหล่งสะสมฝุ่นและไรฝุ่นที่สำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้
- โซฟาผ้าและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เป็นที่สะสมของฝุ่นและเศษผิวหนัง โดยเฉพาะตามซอกมุมหรือรอยตะเข็บที่ยากต่อการทำความสะอาด
- ตุ๊กตาผ้ามักสะสมฝุ่นและไรฝุ่น เนื่องจากมีขนและใยผ้าที่เป็นที่เก็บฝุ่นได้ดี
- ผ้าม่านและพรมในห้องสะสมฝุ่นจำนวนมาก เพราะฝุ่นจะเกาะติดตามเส้นใยของผ้าและพรม
- หนังสือเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่สะสมฝุ่นได้ดี เนื่องจากฝุ่นมักเกาะติดตามหน้ากระดาษและสันหนังสือ
- เครื่องปรับอากาศและพัดลมหากไม่ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ ฝุ่นที่สะสมบนแผ่นกรองอากาศอาจถูกพัดออกมาพร้อมกับลม
- วัสดุก่อสร้างเช่น ปูนซีเมนต์ สีทาบ้าน และวัสดุตกแต่งต่างๆ ก็สามารถปล่อยฝุ่นออกมาได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการก่อสร้างหรือปรับปรุงบ้าน
- สัตว์เลี้ยงขนสัตว์และรังแคจากสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว มักหลุดออกมาและกลายเป็นฝุ่น นอกจากนี้ยังนำฝุ่นจากภายนอกบ้านเข้ามาด้วย
วิธีกำจัดฝุ่นในห้องในห้องอย่างมีประสิทธิภาพปลอดภัยสำหรับคนแพ้ฝุ่น
การกำจัดฝุ่นในห้องต่างๆสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการทำความสะอาดและดูแลรักษาสิ่งต่างๆ ดังนี้
- ห้องนอน
- ทำความสะอาดเครื่องนอน ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และควรนำที่นอนออกไปตากแดดเป็นประจำ ใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยกรองฝุ่นและไรฝุ่นในห้องนอน ดูดฝุ่นใต้เตียงใต้เตียงมักเป็นที่สะสมของฝุ่น ควรทำความสะอาดทุกสัปดาห์
- ห้องนั่งเล่น
- ทำความสะอาดโซฟาดูดฝุ่นทุกสัปดาห์และทำความสะอาดโซฟาผ้าด้วยเครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวแปรง ดูแลผ้าม่านและพรมและทางที่ดีควรเลือกผ้าม่านที่ทำความสะอาดง่าย และดูดฝุ่นพรมทุกสัปดาห์
- ห้องน้ำ
- ทำความสะอาดพื้นและอ่างล้างหน้า เช็ดทำความสะอาดอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และพื้นห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอและเปิดหน้าต่างระบายอากาศช่วยลดความชื้นและป้องกันเชื้อรา
- ห้องครัว
- ทำความสะอาดทุกพื้นผิวด้วยการเช็ดทำความสะอาดเคาน์เตอร์และเตาอบอย่างสม่ำเสมอทำความสะอาดเครื่องดูดควันและทำความสะอาดแผ่นกรองเครื่องดูดควันอย่างน้อยเดือนละครั้ง
- ห้องรับประทานอาหาร
- เช็ดโต๊ะและเก้าอี้เช็ดโต๊ะอาหารและเก้าอี้หลังใช้งานทุกครั้งกวาดและถูพื้นเพื่อกำจัดเศษอาหารและฝุ่นละออง
วิธีกำจัดฝุ่นในห้องห่างไกลจาก PM 2.5
ปัจจุบันปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศอย่าง PM 2.5 กลายเป็นสิ่งที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวหรือในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น การหาวิธีป้องกันและกำจัดฝุ่นในห้องจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันสุขภาพโดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก เช่น PM 2.5 ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพระยะยาว
- ใช้เครื่องกรองอากาศหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในวิธีกำจัดฝุ่นในห้องและลดมลพิษ PM 2.5 คือการใช้เครื่องกรองอากาศ ซึ่งมีระบบกรองที่ช่วยจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเครื่องกรองอากาศที่ดีจะมีฟิลเตอร์ HEPA ที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99.97% ทำให้อากาศภายในห้องสะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ
- ทำความสะอาดห้องอย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดห้องเป็นประจำช่วยลดฝุ่นที่สะสมในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเริ่มจากการทำความสะอาดพื้น ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง โดยการใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีฟิลเตอร์ HEPA ซึ่งจะช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีกว่าไม้กวาดหรือผ้าเช็ดพื้นแบบทั่วไป สำหรับผ้าม่านและเบาะนั่ง ควรทำการซักหรือดูดฝุ่นเป็นประจำ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มักจะสะสมฝุ่นและเชื้อโรคได้ง่าย นอกจากนี้การทำความสะอาดหน้าต่างและกำแพงก็ควรทำเป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นที่สะสมบนพื้นผิว
- ปิดประตูและหน้าต่างเมื่อคุณไม่ได้ใช้ การเปิดหน้าต่างหรือประตูในช่วงที่อากาศภายนอกมีฝุ่น PM 2.5 อาจทำให้ฝุ่นละอองเข้ามาในบ้านได้ง่าย ดังนั้นในช่วงที่มีการเกิดมลพิษทางอากาศ ควรปิดหน้าต่างและประตูเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าสู่ห้อง
- ใช้ต้นไม้ในบ้านช่วยกรองอากาศ
ต้นไม้บางชนิดสามารถช่วยกรองอากาศและลดมลพิษในบ้านได้ เช่น ต้นไม้ชนิดที่มีใบเขียวหนาและมักจะช่วยดูดซับสารพิษในอากาศ เช่น ต้นลิ้นมังกร, ต้นเดหลี หรือว่านหางจระเข้ โดยการปลูกต้นไม้เหล่านี้ในห้องไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงาม ยังช่วยให้บ้านของคุณมีอากาศที่สดชื่นขึ้น
- ใช้ผ้าเช็ดฝุ่นที่มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่น เลือกใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ในการเช็ดฝุ่น เพราะผ้าไมโครไฟเบอร์สามารถดูดซับฝุ่นได้ดีกว่าผ้าทั่วไป และไม่ปล่อยฝุ่นกลับไปในอากาศ ทำให้ลดการสะสมของฝุ่นในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรหมั่นทำความสะอาดผ้าปูที่นอน หมอน และผ้าห่มอย่างสม่ำเสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรค
- การควบคุมความชื้นในห้อง ความชื้นในห้องมีผลต่อการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค หากห้องมีความชื้นต่ำเกินไป อาจทำให้ฝุ่นลอยอยู่ในอากาศมากขึ้น ดังนั้นการควบคุมความชื้นในห้องให้เหมาะสมจะช่วยให้ฝุ่นไม่สะสมมากเกินไปและช่วยให้อากาศในห้องสดชื่น
- อากาศในห้องต้องมีการหมุนเวียนการเปิดเครื่องปรับอากาศที่มีระบบหมุนเวียนอากาศช่วยให้การกระจายของอากาศภายในห้องดีขึ้นและลดการสะสมของฝุ่น สามารถตั้งเครื่องปรับอากาศให้ทำงานในโหมดที่หมุนเวียนอากาศไปทั่วห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองสะสมอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่ง
- ระวังการใช้สารเคมีในบ้านการใช้สารเคมี เช่น น้ำยาทำความสะอาดบางชนิดที่มีสารระเหยอาจทำให้เกิดมลพิษในอากาศภายในห้อง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ปล่อยสารเคมีอันตรายออกมา เพื่อให้คุณสามารถรักษาความสะอาดห้องได้อย่างปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดควันผลิตภัณฑ์บางชนิดที่มีควันหรือมีกลิ่นแรง เช่น การเผายากันยุงหรือการเผาถ่าน อาจเพิ่มมลพิษในอากาศและทำให้ฝุ่นละอองเข้าสู่ห้องได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5
สรุปการวิธีกำจัดฝุ่นในห้องเป็นเรื่องที่ควรทำ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพทางเดินหายใจ
การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอและการป้องกันฝุ่นได้เป็นอย่างดีและยังจะช่วยให้อากาศในบ้านสดชื่นและปราศจากสิ่งสกปรก นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพในระยะยาวหมดห่วงเรื่องสุขภาพทางเดินหายใจ