การขับรถบนท้องถนนไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบาย แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความรับผิดชอบตามกฎหมาย และสิ่งที่เจ้าของรถต้องทำเป็นประจำทุกปีคือการต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย
พ.ร.บ. รถยนต์คืออะไร คุ้มครองอะไรบ้าง
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหรือที่เรียกกันว่า พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมี เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก
ความคุ้มครองของ พ.ร.บ. รถยนต์
- ค่ารักษาพยาบาล หากบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์คุณจะได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง
- การสูญเสียอวัยวะสำคัญ หากสูญเสียอวัยวะสำคัญจากอุบัติเหตุทางรถยนต์คุณจะได้รับความคุ้มครองด้วยเงินชดเชย ตั้งแต่ 200,000 ถึง 500,000 บาท
- เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณจะได้รับความคุ้มครองด้วยเงินชดเชย สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อคน
- ค่าชดเชยรายวัน หากบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน คุณจะได้รับความคุ้มครองด้วยเงินชดเชยการขาดรายได้ 200 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 20 วัน
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ. และประกันภาคสมัครใจต่างกันอย่างไร
พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมี หากไม่มี พ.ร.บ. จะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้และถือว่าผิดกฎหมาย ให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก โดยให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจเป็นประกันภัยที่เจ้าของรถสามารถเลือกทำเพิ่มเติมได้ตามความต้องการและงบประมาณ ไม่ได้บังคับโดยกฎหมาย ความคุ้มครองขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่เลือก เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+ หรือ 3 ซึ่งจะมีคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันและคู่กรณีด้วย
สรุปความแตกต่าง
พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมี ส่วนประกันภัยภาคสมัครใจเป็นการทำเพิ่มเติมตามความต้องการของเจ้าของรถ
พ.ร.บ. คุ้มครองเฉพาะผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ส่วนประกันภัยภาคสมัครใจให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ด้วย
ทำไมต้องต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ และผลกระทบหากไม่ต่อ
การต่ออายุ พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเจ้าของรถทุกคน เนื่องจากเป็นข้อบังคับตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ผลกระทบหากไม่ต่ออายุ พ.ร.บ.
- หากไม่มี พ.ร.บ. หรือปล่อยให้หมดอายุ จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามกฎหมาย
- การต่อภาษีรถยนต์ประจำปีจำเป็นต้องมี พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ หากไม่มีจะไม่สามารถต่อภาษีได้
- หากเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ไม่มี พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจะไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ซึ่งอาจทำให้ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
ต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ง่ายและสะดวก ไม่ต้องเสียเวลา
การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ออนไลน์เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการเดินทางไปยังสำนักงานต่าง ๆ คุณสามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ที่ให้บริการ โดยมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้
- เริ่มต้นด้วยการเข้าสู่เว็บไซต์ที่ให้บริการซึ่งมีให้เลือกหลายบริษัท เช่น insurverse จากนั้นกรอกข้อมูลรถยนต์ โดยระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น ยี่ห้อ รุ่น ปีที่จดทะเบียน และข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น
- เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยให้เลือกแผนประกันและดำเนินการชำระเงินผ่านช่องทางที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการโอนเงิน
- หลังจากชำระเงินสำเร็จจะได้รับกรมธรรม์ทางอีเมล ซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อภาษีรถยนต์ได้ ขั้นตอนทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณต่อ พ.ร.บ. ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่สำนักงานประกันภัย
การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนต้องทำเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง คุณจะมั่นใจได้ว่ารถของคุณพร้อมใช้งานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขับขี่รถได้อย่างสบายใจไร้กังวล