การจัดดอกไม้กับการสร้างสมดุลทางจิตใจ: การบูรณาการศิลปะและความเป็นมนุษย์ในบริบทของมนุษยศาสตร์

ในยุคที่วิถีชีวิตของผู้คนหมุนไปอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จถูกสร้างให้เป็นเครื่องหมายของคุณค่าในชีวิต ทว่าในความเร่งรีบนั้น ความเรียบง่ายกลับถูกละเลยโดยที่หลายคนไม่ทันรู้ตัวว่าความจริงแล้วคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร กิจกรรมอย่างการจัดดอกไม้ที่อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของบางคน แต่กลับกลายเป็นพื้นที่สำคัญที่ช่วยให้อีกหลายคนได้หันกลับมาอยู่กับตนเองอย่างมีสมาธิได้อีกครั้ง นี่จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการได้ทบทวนเรื่องราวของชีวิต ฟังเสียงความต้องการที่แท้จริงของตนเอง และปรับสมดุลความต้องการนั้นให้สอดคล้องกับจังหวะของการดำเนินชีวิตที่ผันแปรไปตลอดเวลา

การจัดดอกไม้ไม่ใช่เพียงการหยิบดอกไม้ใส่แจกัน ปักลงในโอเอซิส หรือห่อขึ้นมาเป็นช่อ แต่คือกระบวนการของการใช้ผัสสะเลือกดอกไม้ด้วยการใช้ความรู้สึก ตัดสินใจตัดและริดใบด้วยความเชื่อมั่นที่ออกมาจากภายใน การวางดอกไม้แต่ละดอกแต่ละก้านจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับ “ความพอดี” ที่ออกมาจากหัวใจในขณะนั้น

แม้ในทางปฏิบัติ เราอาจพยายามบรรจงเลือกดอกไม้ที่สดใหม่ สวยงาม และคิดว่าเหมาะสมที่สุด แต่เมื่อเริ่มจัดวาง เรากลับได้พบว่า ดอกไม้แต่ละดอกต่างมีชีวิต มีทิศทาง มีน้ำหนัก และมีความแตกต่างเฉพาะตัว การจัดช่อดอกไม้จึงมิใช่การบังคับให้ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบตามความต้องการของเรา หากแต่คือการวางแกนหลักหรือธีมของช่อดอกไม้ แล้วค่อย ๆ ประสานความแตกต่างนั้นให้เกิดความงามที่กลมกลืน ความงามในกระบวนการนี้จึงไม่ใช่การปฏิเสธต่อสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่คือการเลือกจัดวางทุกองค์ประกอบด้วยความเข้าใจ และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต

ADVERTISMENT

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดดอกไม้เพื่อสมดุลของจิตใจ” ณ HUM Café อาคารจุฬาภรณ์พิศาลศิลป์ โดยได้รับเกียรติจาก คุณธีรภัทร วงศ์พิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดดอกไม้ มาเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ โดยในช่วงต้นของกิจกรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธงรบ รื่นบรรเทิง คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ได้กล่าวเปิดโครงการด้วยการเชื่อมโยงปรัชญาของศิลปะกับแก่นของความเป็นมนุษยศาสตร์ว่า “ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ศิลปะการจัดดอกไม้หรือ ‘อิเคบานะ’ ถือเป็นการสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อการเยียวยาจิตใจ ไม่ได้เน้นที่ความหรูหรา หากแต่มุ่งหมายให้ผู้จัดได้ฝึกจิตใจให้อยู่กับความเรียบง่าย เรียนรู้ที่จะให้เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเข้าใจ สิ่งเหล่านี้คือหัวใจของมนุษยศาสตร์เช่นกัน ที่เราเชื่อในคุณค่าของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมและความงาม”

ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้ทั้งเทคนิคพื้นฐานการจัดดอกไม้และการใช้สายตาหรือหัวใจมองดอกไม้ จนเกิดเป็นความเข้าใจว่าในความเรียบง่ายนั้น แฝงไว้ด้วยพลังแห่งการเยียวยาจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกให้เราอยู่กับตัวเอง สื่อสารกับธรรมชาติ หรือตระหนักรู้ในอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใน

ระหว่างการอบรม คุณธีรภัทรได้แบ่งปันประสบการณ์จากมุมมองของศิลปินว่า “การเรียนศิลปะทำให้ผมเข้าใจว่า ความสวยงามมักซ่อนอยู่ในรายละเอียดเล็ก ๆ การจัดดอกไม้ก็เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก เพื่อสะท้อนความเป็นตัวเรา ช่วยให้เรามีสมาธิ และอยู่กับปัจจุบัน การเลือกและการจัดดอกไม้นานาชนิดที่เป็นผลผลิตจากความตั้งใจของเกษตรกรทั่วทุกมุมโลกลงในแจกันนั้น เพียงได้นั่งมอง ผมก็รู้สึกอุ่นใจ และมีความสุข”

คำกล่าวนี้สอดคล้องกับความรู้สึกของผู้เข้าร่วมหลายท่าน หนึ่งในนั้นสะท้อนว่า “เหมือนได้คุยกับตัวเองผ่านดอกไม้ บางครั้งสิ่งที่เราต้องการอาจไม่ใช่คำปลอบใจจากใครสักคน แต่อาจเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราไม่ต้องพูด ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องทำอะไรที่หวือหวา แค่ได้นั่งอยู่เงียบ ๆ กับดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้า ได้มอง ได้เลือก และได้ฟังเสียงของหัวใจตัวเองอีกครั้ง”

ทั้งหมดนี้คือหัวใจของกิจกรรมในวันนั้น และคือหัวใจของ “มนุษยศาสตร์” ในฐานะศาสตร์ที่มุ่งทำความเข้าใจความเป็นมนุษย์อย่างรอบด้าน ทั้งในมิติของเหตุผล อารมณ์ และความละเอียดอ่อนของจิตใจ การจัดดอกไม้จึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ใช้หัวใจรับรู้ความงาม และใช้สมาธิเป็นเครื่องมือของการเยียวยาชีวิต ซึ่งอาจไม่ได้อยู่ที่การจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่อยู่ที่การเปิดพื้นที่เล็ก ๆ ให้จิตใจได้หยุดเฝ้ามองสีสันของดอกไม้ที่ดอกไม้เพียงช่อเดียวก็เพียงพอที่จะย้ำเตือนให้เราระลึกได้ว่า “เรามีโอกาสที่จะกลับมาเป็นมนุษย์ที่สดใสได้ทุกครั้ง”