ชี้ไทยเมืองหลวงธุรกิจส่งเสริมสุขภาพ

นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทางสุขภาพ (Health Paradigm Shift) พ.ศ. 2554 มีประชากรกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ จำนวนมหาศาลที่อยู่ในวัยชรา และในอีก 13 ปีข้างหน้าจะมีคนก้าวสู่อายุ 65 ปีทุกๆ วัน วันละ 10,000 คนทั่วโลก อย่างไรก็ตามการแพทย์ที่ก้าวหน้าทำให้คนอายุยืนขึ้น

พร้อมกันนั้นได้เกิดกระบวนทัศน์ใหม่ทางสุขภาพ กล่าวคือแทนที่จะรอป่วยแล้วกินยา กลายมาเป็นกระบวนทัศน์ที่เรียกว่า “ความสุขสบายและชะลอวัย (Wellness & Anti-aging)” ซึ่งได้ก่อให้เกิดการขยายตัวของ Wellness Industry ขึ้นอย่างกว้างขวาง

นพ.บรรจบกล่าวว่า ในปี 2559 สภาการท่องเที่ยวโลก (WTTC) ประกาศให้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ธุรกิจท่องเที่ยวขยายตัวเร็วที่สุดในโลก ทำรายได้ 82,000 ล้านเหรียญสหรัฐให้ไทย หรือเท่ากับร้อยละ 20.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ

สำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย ยังเป็นตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 1 ใน 10 ประเทศของเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นแชมป์ในกลุ่มอาเซียน (ASEAN) ไทยจึงมีโอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับการก้าวเป็นเมืองหลวงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลก

Advertisement

คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ให้ข้อมูลว่า เมื่อมองไปที่ Wellness Industry จะเห็นแนวโน้มถีบตัวสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนและเต็มไปด้วยโอกาส ซึ่งตัวเลขเม็ดเงินในอุตสาหกรรมสุขภาพทั่วโลกนั้นสูงถึง 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นภาคส่วนต่างๆ เช่น สุขภาพว่าด้วยความงามและการชะลอวัย 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การแพทย์ทางเลือก 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อาหารสุขภาพและการลดน้ำหนัก 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิตเนสและการบริหารกายและจิต 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น

“Wellness Industry นั้นใหญ่มาก เมื่อคนทั่วโลกกำลังแสวงหาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นั่นหมายรวมถึงการต้อนรับและบริการต่างๆ การไหว้อย่างไทย รอยยิ้มอย่างไทย ดนตรีไทย การนวดไทยรวมถึงการนวดอื่นด้วยคนไทย และการใส่ใจทุกขั้นตอนของงานบริการอย่างไทยหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้ วันนี้บ้านเรากำลังจะกลายเป็นเมืองหลวงของ Wellness”

นพ.บรรจบ เผยว่าที่ผ่านมาหัวใจของการบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยคือ สปา ที่มี ธุรกิจสปากว่า 2,000 แห่ง มีผู้รับบริการเฉลี่ย 22.5 ล้านครั้ง/ปี ร้อยละ 90 เป็นชาวต่างชาติ ถ้ายกระดับคุณภาพจากสปาขึ้นเป็น Wellness ก็จะเพิ่มรายได้อีก 10 เท่าตัว ตัวอย่างเช่น บริการนวดในสปาราคา 1,200 – 2,500 บาท/คน ถ้าพัฒนาเป็น คอร์สสุขภาพ (Wellness) 1 วัน เริ่มจากการคำปรึกษา ทรีทเม้นท์ความงาม การนวด การล้างพิษ บริหารกาย-จิต บริการเครื่องดื่มและอาหารสุขภาพ รายได้จะเพิ่มเป็น 12,000 บาท/คน หรือคิดเป็น 10 เท่าจากบริการนวดในสปาแบบเดิม อีกทั้งยังสามารถรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการขายโปรแกรมที่จะต้องพำนักค้างคืนอย่างน้อย 2-3 วัน หรือสามารถพำนักได้นานกว่านั้นเพื่อปรับปรุงและแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image